นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้ร่วมกับกรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ และผู้ผลิตอาหารสัตว์ จัดทำโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ไก่ไข่ และไก่เนื้อ ในการลดต้นทุนราคาอาหารสัตว์ โดยได้เชื่อมโยงเกษตรกรผู้เลี้ยงกับโรงงานอาหารสัตว์
ซึ่งได้เริ่มต้นโครงการแล้ว และจะทำเป็นโครงการนำร่องก่อน หากได้รับความสนใจจากเกษตรกร ก็จะขยายโครงการเพิ่มขึ้นต่อไป และต้องขอขอบคุณผู้ผลิตอาหารสัตว์ทุกรายที่เข้าร่วมโครงการกับกรมในการช่วยเหลือเกษตรกรครั้งนี้
สำหรับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ขณะนี้ แม้ราคาลดลงจากช่วงปีก่อนที่ราคาขึ้นไปสูงสุด แต่ยังถือว่าทรงตัวอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลดีกับเกษตรกรผู้ปลูก แต่หากเปรียบเทียบราคาสัปดาห์นี้กับสัปดาห์ก่อน มีแนวโน้ลดลง ตามปริมาณผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น โดยมันสำปะหลังสัปดาห์นี้ กิโลกรัม (กก.) ละ 3.30 บาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่ 3.35 บาท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กก.ละ 11.15 บาท จาก 11.28 บาท
ด้านร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า โครงการช่วยเหลือเกษตรกร จะเป็นการจ่ายเงินชดเชยค่าอาหารสัตว์ให้เกษตรกรรายย่อยที่เลี้ยงสุกร ไก่ไข่ ไก่เนื้อ กิโลกรัม (กก.) ละ 1 บาท ปริมาณรายละไม่เกิน 10 ตัน สูงสุดไม่เกินรายละ 10,000 บาท ระยะเวลา 1 เดือน โดยใช้งบประมาณจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตร (คชก.) ประมาณ 8 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้ขอรับการสนับสนุน ต้องเป็นผู้เลี้ยงสัตว์รายย่อย รายเล็ก และรายกลาง ที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้เลี้ยงสัตว์กับกรมปศุสัตว์ และได้รับมาตรฐานระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (จีเอฟเอ็ม) โดยมีจำนวนการเลี้ยงตามเกณฑ์ที่กำหนด ได้แก่ ผู้เลี้ยงสุกร ต้องไม่เกิน 5,000 ตัว ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ไม่เกิน 100,000 ตัว และผู้เลี้ยงไก่เนื้อ ไม่เกิน 100,000 ตัว คาดว่า จะมีผู้ได้รับสิทธิ์ประมาณ 800 ราย
ส่วนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขสนับสนุนค่าบริหารจัดการรายละไม่เกิน 10,000 บาท ได้แก่ การซื้ออาหารสัตว์ผสมสำเร็จรูป เป็นการซื้อจากผู้ผลิตที่ได้รับอนุญาตผลิตอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะจากกรมปศุสัตว์ หรือสหกรณ์การเกษตรที่ผลิตอาหารสัตว์ หรือสหกรณ์ผู้รับจำหน่ายอาหารสัตว์ ระยะเวลาการซื้ออาหารสัตว์ ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.-6 ส.ค.2566 โดยยื่นขอรับเงินสนับสนุนได้ตั้งวันที่ 13 ก.ค.-12 ส.ค.2566