EU Green Deal มุ่งลดสารเคมี เตือนสินค้าเกษตรไทยรับมือ หวั่นกระทบหนัก

20 ส.ค. 2566 | 09:55 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ส.ค. 2566 | 10:11 น.

สมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย ระบุแผนการปฏิรูปสีเขียวอียู มุ่งลดใช้สารเคมีในสินค้าเกษตร หากมีการใช้สารเคมีไม่ระมัดระวังอาจโดนถอดได้ ชี้เอกชนตื่นตัว จี้รัฐ กำหนดนโยบายชัดเจน

นางนงนุช ยกย่องสกุล นายกสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย (TAITA)  กล่าวในเวทีเสวนา ทิศทางการนำเข้า ปุ๋ย เคมีเกษตร  และปัจจัยผลิตทางการเกษตรไทย ภายใต้งานนิทรรศการ “5 ทศวรรษแห่งการพัฒนาวิชาการเกษตรไทย และการก้าวไปในทศวรรษที่ 6” กรมวิชาการเกษตร ว่า  แผนการปฏิรูปสีเขียวของสหภาพยุโรป (European Green Deal) ต้องการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลงร้อยละ 50 - 55 ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) และลดลงเป็นศูนย์ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593)

EU Green Deal มุ่งลดสารเคมี เตือนสินค้าเกษตรไทยรับมือ หวั่นกระทบหนัก

โดย  EU Green Deal มี  7 มาตรการ  มุ่งเน้นคาร์บอนเครดิต   ในมาตรการ  CBAM หรือ มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป นั้นเกี่ยวกับปุ๋ย  และพลังงานสีเขียว

และมีการพูดถึง   From Farm to Fork   หรือ จากฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร   มีลดการใช้สารเคมี   ยา สารต้านชีวพันธุ์ ในสินค้าเกษตร    รัฐต้องร่วมมือกับเอกชน ต้องมาดูในเรื่องดังกล่าว   ถ้าไทยต้องการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังยุโรป หากมีการใช้สารเคมีไม่ระมัดระวังอาจโดนถอดจากประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรไปยังยุโรปได้    โดยการขึ้นทะเบียนนั้นใช้เวลานาน 5 ปี     แต่ From Farm to Fork   กำลังจะเกิดขึ้น  

อีกเรื่องคือเรื่องสารเคมีอันตรายมาก   และภาชนะบรรจุภัณฑ์   โดยเอกชนเริ่มตื่นตัวในเรื่องนี้  แต่ภาครัฐ ต้องกำหนดนโยบายชัดเจนในการส่งเสริมหรือช่วยภาคเอกชน