สภาหอฯจับมือหอการค้ากัมพูชา ดันการค้าสองฝ่ายพุ่ง 15,000 ล้านดอลลาร์ปี 68

07 ก.พ. 2567 | 11:05 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.พ. 2567 | 11:23 น.

สภาหอการค้าฯ ผนึกกำลังหอการค้ากัมพูชา กระตุ้นการลงทุน พร้อมขยายโอกาสการค้าระหว่างกัน ตั้งเป้าค้าสองฝ่ายพุ่ง 15,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2568 พร้อมดันท่องเที่ยว เสริมความมั่นคงด้านพลังงาน

รายงานข่าวจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (7 ก.พ. 2567) เผยว่า ได้ผนึกกำลังกับหอการค้ากัมพูชา จัดงานสัมมนา “Cambodia-Thailand Business Forum 2024” เนื่องในโอกาสการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งให้เกียรติเป็นประธานพร้อมกล่าวเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ร่วมด้วย นายฮุน ซาเรือน เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย, เนี้ยะออกญากิต เม้ง ประธานหอการค้ากัมพูชา, พลเอกวิชิต ยาทิพย์ นายกสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา, และนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเข้าร่วมงานและกล่าวต้อนรับ

ภายในงานมีการเสวนาในหัวข้อ “Strengthen Trade and Investment Cooperation between Thailand and Cambodia” จากผู้แทนภาคเอกชนไทยพร้อมด้วยผู้แทนจากภาคเอกชนกัมพูชาร่วมบรรยายให้ข้อมูลและความรู้ในหัวข้อดังกล่าว เพื่อขับเคลื่อนและส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยและกัมพูชา

สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในการจัดงาน Business Forum ในวันนี้  ได้รับเกียรติจากสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา มาร่วมงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษให้กับภาคเอกชนไทยและกัมพูชา 

โดยมีใจความสำคัญในเรื่องการสร้างความร่วมมือทางกาiค้าและการลงทุนระหว่างนักธุรกิจทั้งสองประเทศ การสัมมนาในวันนี้เป็นภาพสะท้อนความสัมพันธ์และความร่วมมืออันใกล้ชิดทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและกัมพูชา เพราะในงานนี้เต็มไปด้วยนักธุรกิจทั้งชาวไทยและกัมพูชามารวมตัวกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างกันในนามของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจึงถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับการจัดงานวันนี้

สภาหอฯจับมือหอการค้ากัมพูชา ดันการค้าสองฝ่ายพุ่ง 15,000 ล้านดอลลาร์ปี 68

การจัดงานในครั้งนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ในระดับประชาชนเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจอันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายในการเพิ่มปริมาณการค้าให้บรรลุเป้าหมาย 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568 รวมไปถึงการพัฒนาการขนส่งสินค้าของทั้งสองประเทศ การผลักดันการท่องเที่ยวและการเดินทางข้ามแดน ความร่วมมือทางด้านแรงงาน ความมั่นคงทางพลังงาน ตลอดจนความสัมพันธ์ระดับประชาชนและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและวิชาการระหว่างไทย-กัมพูชา และแน่นอนว่าเพื่อความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน โดยการตั้งเป้าความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในประเทศ และเป็นการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชนซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ

สภาหอฯจับมือหอการค้ากัมพูชา ดันการค้าสองฝ่ายพุ่ง 15,000 ล้านดอลลาร์ปี 68

นายสนั่น กล่าวอีกว่า ขณะนี้กัมพูชามีข้อตกลงและกฏระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงการค้าทวิภาคี พหุภาคี และการได้รับอัตราภาษีพิเศษสำหรับการนำเข้าไปยังตลาดสำคัญหลายแห่งในโลก ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของกัมพูชาในปี 2567 สูงกว่าปี 2566 แน่นอน จึงมองว่าไทยยังมีโอกาสอีกมากจากนโยบายที่เปิดกว้างของรัฐบาลกัมพูชา รวมถึงการสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน พร้อมกับช่องทางตลาดส่งออกในหลายประเทศที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขสิทธิพิเศษทางภาษี ทำให้กัมพูชาดึงดูดการลงทุนและส่งออกที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

สภาหอฯจับมือหอการค้ากัมพูชา ดันการค้าสองฝ่ายพุ่ง 15,000 ล้านดอลลาร์ปี 68

นอกจากนี้ ยังมีการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้ากัมพูชา ในช่วงเช้าของวันนี้ ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมี สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยบันทึกความเข้าใจฉบับนี้มีขึ้นเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเศรษฐกิจ สนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมนักธุรกิจไทยและกัมพูชาร่วมกัน

อีกทั้ง เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและกัมพูชาในสาขาธุรกิจที่มีศักยภาพ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ความร่วมมือทางการเกษตร เศรษฐกิจดิจิทัล การท่องเที่ยว และความร่วมมือทางการแพทย์ ซึ่งการลงนามความร่วมมือฉบับนี้ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยและกัมพูชาให้เจริญรุ่งเรืองร่วมกันต่อไป

จากข้อมูลของสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ระบุว่า ในปี 2566 CDC ได้อนุมัติโครงการใหม่ 247 โครงการ และมีโครงการขยายการผลิต 21 โครงการ โดย 71 โครงการลงทุนอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีเงินลงทุนทั้งหมดเกือบ 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสร้างงานมากกว่า 300,000 ตำแหน่ง