ผลจากราคามันเส้นในประเทศมีแนวโน้มตกตํ่า ส่งผลกระทบราคาหัวมันสำปะหลังสดทั่วประเทศราคาตํ่าลงตาม ทั้งที่ผลผลิตหัวมันสดมีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอกับความต้องการของโรงงานแปรรูป ลามถึงลานมันเส้นทั่วประเทศขายของไม่ได้ เพราะขาดทุน ขณะที่โรงงานเอทานอลชะลอการรับซื้อมันเส้น เนื่องจากเอทานอลที่ผลิตขายไม่ได้
นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ นายกสมาคมเอทานอลจากมันสำปะหลัง เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าอุตสาหกรรมเอทานอลจากมันสำปะหลังมูลค่า 2 หมื่นล้านบาทกำลังได้รับผลกระทบ สาเหตุจากโรงงานเอทานอลชะลอการรับซื้อมันเส้น เนื่องจากเอทานอลที่ผลิตได้ขายไม่ได้ ผลจากนโยบายของกระทรวงพลังงานจะไม่สนับสนุน ให้ E20 เป็นนํ้ามันพื้นฐาน จะปรับให้เหลือแค่ E10 เท่านั้น ทำให้ความต้องการเอทานอลลดลงและกระทบต่อเนื่องถึงราคามันเส้นปรับตัวลดลงจาก 9 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เหลือ 8 บาทต่อกก.ในเวลานี้ ขณะที่ปัจจุบันมันเส้น มันอัดเม็ด และแป้งมัน มีตลาดใหญ่ที่จีน หากเมื่อไรจีนไม่ต้องการสินค้า จะทำให้เกษตรกรถูกกดราคา
“เอทานอล ทางกระทรวงพลังงาน ไม่ค่อยเห็นความสำคัญและชอบพูดว่ามันสำปะหลังราคาแพง ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องจริง แต่เป็นการช่วยพยุงราคาสินค้าเกษตรในประเทศให้ยั่งยืน ปีนี้ราคาเอทานอลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ลิตรละ 30 บาท เกิดจากภัยแล้ง (ต้นทุนเอทานอล 70% เป็นราคาพืชผลทางการเกษตร ดังนั้นราคาสินค้าเกษตรจะเป็นตัวแปรสำคัญ) จากโดยเฉลี่ยแต่ละปีลิตรละ 22-23 บาท”
นางสาวสุรียส กล่าวอีกว่า วันนี้ผู้ประกอบการกับเกษตรกรค่อนข้างเหนื่อย จากหน่วยงานของรัฐขาดการบูรณาการต่างคนต่างทำ ปัจจุบันภาพรวมกำลังการผลิตของโรงงานเอทานอลมีประมาณ 7 ล้านลิตร/วัน แต่วันนี้ผลิตเหลือแค่ 3.1-3.2 ล้านลิตร/วัน ลดลงกว่า 50% หากในอนาคตปรับเหลือแค่ E10 กำลังการผลิตก็จะลดน้อยลงไปอีก
ดังนั้นทางสมาคมฯได้มีการหารือกับสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย และเห็นพ้องกันว่าจะเสนอให้มีการแก้ไขหรือยกเลิก พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 เพื่อส่งเสริมเอทานอลเกรดอุตสาหกรรมสามารถทำตลาดเสรีได้ เช่น นำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นได้ อาทิ ผสมสีทาบ้าน,ไบโอพลาสติก,อุตสาหกรรมยา และอุตสาหกรรมเคมี เป็นต้น ซึ่งสินค้าเหล่านี้แทนที่เราจะผลิตได้เองในประเทศ แต่ต้องนำเข้า ปัจจุบันเอทานอลไม่สามารถนำมาใช้เพื่อการดังกล่าวได้ เพราะเกรงจะถูกนำไปผลิตเป็นเหล้าเถื่อน
สอดคล้องกับนายรังษี ไผ่สอาด นายกสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันจากโรงงานเอทานอลมีปัญหาจากนโยบายรัฐ ทำให้ผู้ส่งออกมันเส้นฉวยโอกาสกดราคารับซื้อ ทำให้ผู้ประกอบการลานมันต้องหยุดหรือชะลอซื้อตาม กระทบถึงราคาหัวมันสดลดลง ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกษตรกรถูกกดราคาขอเสนอ 3 ข้อต่อรัฐบาล คือ
1.ให้รัฐช่วยส่งเสริมการใช้นํ้ามันเบนซิน E20 เพื่อช่วยยกระดับราคาหัวมันสำปะหลังในประเทศไม่ให้ตกตํ่า 2.เสนอให้มีการแก้ไข หรือยกเลิก พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 เพื่อส่งเสริมเอทานอลเกรดอุตสาหกรรมสามารถทำตลาดเสรี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขยายตลาด และจะได้ช่วยรักษาเสถียรภาพระดับราคามันสำปะหลังและอ้อย ในประเทศ ไม่ต้องเป็นภาระของรัฐบาลในการชดเชยราคา และ 3.ให้รัฐบาลแถลงพร้อมลงนามเพื่อสื่อสารไปยังประเทศคู่ค้าให้ทราบว่าในประเทศมีการใช้เอทานอลมากขึ้น ประกอบกับผลผลิตมันเส้นมีจำนวนไม่มาก จะทำให้ผู้ส่งออกไม่กดราคารับซื้อ
อนึ่ง การส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ดของไทยช่วง 2 เดือนแรกปี 2567 มีทั้งสิ้น 473,212 ตัน โดยเดือนกุมภาพันธ์ มีการส่งออกรวม 307,822 ตัน ผู้ส่งออกมันเส้นมากที่สุด ได้แก่ บจก.ทาปิโอก้า อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น 105,868 ตัน 2.บจก.แสงฟ้าโปรดักส์ 68,850 ตัน แซง บจก.สวัสดิ์ไพบูลย์การเกษตร ที่ส่งออกมันเส้นมากที่สุดในเดือนมกราคม โดยบริษัทฯมียอดการส่งออก 68,850 ตัน (กราฟิกประกอบ)