จี้โรงสกัดซื้อปาล์ม ตามโครงสร้างราคา ชาวสวนขอไม่ต่ำ 6 บาท

สถานการณ์ราคาปาล์มนํ้ามันยังตกตํ่า ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยที่ 3.60-3.80 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) สร้างความเดือดร้อนชาวสวนปาล์มในทุกพื้นที่ สวนทางกับต้นทุนการผลิตทั้งค่าปุ๋ย ค่าขนส่ง ค่าแรงงาน ค่าสาธารณูปโภคอื่น ๆ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด (28 พ.ค. 67) ที่ประชุมร่วมอธิบดีกรมการค้าภายใน ส่วนราชการ ผู้แทนเกษตรกร ผู้ประกอบการลานเท โรงสกัดนํ้ามันปาล์มได้หารือกันถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหา และมีมติร่วมกันที่สำคัญคือ โรงสกัดนํ้ามันปาล์มจะให้ความร่วมมือในการปรับราคารับซื้อผลปาล์มไม่ตํ่ากว่า 4.50 บาทต่อกก. อย่างไรก็ดีในส่วนของเกษตรกรยังคงเคลื่อนไหวต่อ

นายกฤษฎ์ แก้วรักษ์ ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จังหวัดชุมพร เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ได้นัดชุมนุมชาวสวนปาล์มในพื้นที่ จากได้รับความเดือดร้อนมากและอยากส่งสัญญาณไปยังผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบให้เร่งแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เป็นเกษตรกรตัวจริง มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง มีข้อมูลผลผลิตอยู่ในมือของหน่วยงานราชการ จะมาอ้างเหตุผลผลิตล้นเกินความต้องการของตลาดทำให้ราคาตกไม่ถูกต้อง เพราะพื้นที่ปลูกยังเท่าเดิม เวลาผลปาล์มไม่มีหรือมีน้อยก็แย่งกันซื้อ แต่พอช่วงผลผลิตออกมามากก็ฮั้วกันกดราคาเกษตรกร เพื่อไปชดเชยราคาก่อนหน้านี้ที่ราคาผลปาล์มอยู่ในระดับสูง

“ให้ไปดูราคาปาล์มนํ้ามันเพื่อบริโภคขนาด 1 ลิตร ตามร้านสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรด ปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ขวดละ 46-48 บาท แต่ชาวสวนขายผลปาล์มได้ราคาเหลือแค่ 3.60-3.80 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาที่ตกตํ่ามาก และเกษตรกรขายขาดทุน (ต้นทุน 4 บาท /กก.) ขอเรียกร้องราคาปาล์มที่เกษตรกรปลูกและขายได้ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ต้องไม่ตํ่ากว่า 6 บาทต่อกิโลกรัม”

นายกฤษฎ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากรมการค้าภายใน มีการจัดทำโครงสร้างราคาปาล์มนํ้ามันทั้งระบบ มีการกำหนดราคาอ้างอิงว่า ผลปาล์มที่เกษตรกรขายได้ในระดับราคาต่างๆ ราคานํ้ามันปาล์มดิบ และราคาจำหน่ายปลีกนํ้ามันปาล์มขวดที่เหมาะสมควรเป็นเท่าใด (ดูกราฟิกประกอบ) ซึ่งราคาอ้างอิง ณ วันที่ 19 พ.ค.67 นํ้ามันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) อยู่ที่ 32.00-32.25 บาท/กก. จะต้องรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกร 5.70-5.75 บาท / กก. แต่โรงสกัด และโรงกลั่นนํ้ามันปาล์มไม่ปฏิบัติตามสัญญา แต่มาอ้างเหตุว่าเกษตรกรขายปาล์มในเปอร์เซ็นต์นํ้ามันตํ่าเพียง 14-15% (มาตรฐานคุณภาพสกัดนํ้ามันปาล์มอยู่ที่ 18%) ทำให้เงินที่ควรจะได้หายไป 50% ขณะที่ฝ่ายโรงงานบอกว่าจะรีบขายไปไหน หีบสกัดไม่ทัน แต่ก็อยากจะถามว่าลูกปาล์มที่สุกบนต้นแล้วให้เก็บไว้ ไม่ต้องขายหรือ?

ด้านแหล่งข่าวจากโรงสกัดนํ้ามันปาล์ม กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีปริมาณผลปาล์มเข้าสู่โรงงานมากก็จริง แต่ระบบข้อมูลปริมาณสต๊อกนํ้ามันปาล์มมีแนวโน้มลดลง เดิมสต๊อกนํ้ามันปาล์มดิบ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ อยู่ที่ 2.5 แสนตัน แต่พอผ่านมา 2 เดือน ลดเหลือ 2 แสนตัน เนื่องจากอัตราการสกัดนํ้ามันปาล์มเฉลี่ยอยู่ที่ 15-16% 

ดังนั้นแม้ว่าจะมีปริมาณผลปาล์มเข้าสู่โรงงานมากแต่ปริมาณนํ้ามันปาล์มดิบได้ลดลงจากเดิมประมาณ 3% ซึ่งคาดการณ์ว่าปริมาณผลผลิตจะออกสู่ตลาด 2 ล้านตันต่อเดือน ปริมาณนํ้ามันปาล์มดิบ ที่ผลิตได้จะลดลง 6 หมื่นตัน ประกอบกับการส่งออกนํ้ามันปาล์มดิบยังมีอยู่ต่อเนื่อง สถานการณ์สต๊อก ณ ปัจจุบันลดลง

แหล่งข่าวจากผู้ผลิตนํ้ามันปาล์มเพื่อบริโภค กล่าวว่า ได้มีการคำนวณผลปาล์มนํ้ามันของเดือนพฤษภาคม ที่อัตราการสกัดนํ้ามันปาล์ม 15% มีความกังวลว่าปริมาณนํ้ามันปาล์มในประเทศจะตํ่ากว่าความต้องการใช้ในประเทศ ขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มนํ้ามันของอินโดนีเซีย และมาเลเซีย สองผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ทำให้ผลผลิตทยอยออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น คาดจะส่งผลให้ราคานํ้ามันปาล์มในตลาดโลกปรับตัวลดลงในระยะต่อไป อย่างไรก็ดีหากสต็อกนํ้ามันปาล์มดิบของไทยอยู่ในระดับตํ่ากว่า 2 แสนตัน ราคานํ้ามันปาล์มในประเทศจะปรับสูงขึ้น

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า เวลานี้ไทยยังส่งออกนํ้ามันปาล์มดิบได้ตามปกติ โดยอินเดียผู้ซื้อรายใหญ่ยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง แต่มีความกังวลในอีก 2 เดือนข้างหน้า จะมีผลผลิตถั่วเหลืองจากแหล่งผลิตสำคัญของโลกออกสู่ตลาด โดยเฉพาะจากยูเครน ที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกถั่วเหลืองรายใหญ่ และราคาขายค่อนข้างถูกกว่าที่อื่น อาจทำให้ผู้ประกอบการชะลอซื้อเพื่อรอติดตามสถานการณ์ราคา ส่งผลในช่วงที่ผ่านมาราคาปาล์มนํ้ามันปรับตัวลดลง

หนังสือขออนุญาตแจ้งการชุมนุมสาธารณะ