สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า ปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลตนเองในเวียดนามมีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคและมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากเทรนด์การบริโภคผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลตนเองของผู้บริโภคเวียดนามรุ่นใหม่ที่พักอาศัยในเมืองใหญ่
จากข้อมูลบริษัทวิจัยตลาด Q&Me ได้สำรวจพฤติกรรมการบริโภคสินค้าผลิตภัณฑ์ความงามในพื้นที่กรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ พบว่าผู้หญิงมากกว่า 93% ที่มีอายุระหว่าง 25-32 ปีใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทุกวัน โดยเฉลี่ยงบประมาณสำหรับผลิตภัณฑ์เหล่านี้คือ 436,000 เวียดนามด่งต่อเดือน (หรือประมาณ 620 บาท)
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้มากที่สุด ได้แก่
ทั้งนี้มีการประเมินว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าตลาดเครื่องสำอางในเวียดนามจะมีการขยายตัวและมีความต้องการเครื่องสำอางมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและผลิตภัณฑ์แต่งหน้า
โดยแนวโน้มการกลุ่มผู้บริโภคหลักของสินค้าเครื่องสำอางในเวียดนาม ได้แก่ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่พักอาศัยและทำงานในเมือง โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z (พ.ศ. 2545 – 2555) ซึ่งคิดเป็น 39.08% ของประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มจะเป็นผู้บริโภคหลักของสินค้าเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลตนเองในเวียดนาม
ล่าสุดมีรายงานของบริษัท Inkwood Research คาดว่าอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของเวียดนาม ในปี 2571 จะมีมูลค่ามากกว่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 6.47% นับจากปี 2565 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ได้เสนอโอกาสและแนวทางต่อผู้ประกอบธุรกิจของไทยว่า เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลตนเองที่บริโภคในตลาดเวียดนามส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าถึงกว่า 93% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2567 มูลค่าการนำเข้ารวมของกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้อยู่ที่ประมาณ 427 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยสินค้าจากเกาหลีใต้มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด หรือกว่า 30% รองลงมาคือญี่ปุ่น ไทย และสหภาพยุโรป ตลาดสินค้าเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลตนเองในเวียดนาม มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ
ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่สนใจขยายตลาดผลิตภัณฑ์ความงามมาในเวียดนาม จึงควรศึกษาความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภค แนวโน้มความนิยม เนื่องจากปัจจุบันความนิยมในสินค้าผลิตภัณฑ์ดูแลตนเองเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความศึกษาคู่แข่งเพื่อกำหนด Positioning ของสินค้า เพื่อให้สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย และแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น