นางยุพิณ หลิ่มเกื้อ เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ใน อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เผยว่า ขณะนี้หาข้าวโพดมาผสมอาหารหมูเองได้ยากมาก และแม้จะหาได้แต่ราคาก็แพงมาก ปัจจุบันข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 12 บาท ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้นมาก ซึ่งตนและเพื่อนเกษตรกรต่างเผชิญปัญหาเดียวกันโดยถ้วนหน้า ไม่เข้าใจข้าวโพดหายไปไหน ขอให้ภาครัฐช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วน
ปัจจุบันลำพังการเลี้ยงหมูก็ลำบากมากอยู่แล้ว เจอทั้งหมูเถื่อน และราคาขายหมูที่เกษตรกรได้รับยังไม่คุ้มต้นทุน โดยต้นทุนอยู่ที่กก.ละ 80-82 บาท แต่ขายหมูได้แค่ 68-72 บาท ต่อ กก. และยังต้องมาเจอกับค่าข้าวโพดสูง ทำต้นทุนสูงขึ้นอีก และยังหาข้าวโพดยาก หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ตนคงต้องเลี้ยงหมูรุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้าย ก่อนพักเล้ายาว
ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแล ช่วยตรวจสอบสต๊อกข้าวโพดทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน เพื่อตามหาข้าวโพด และแก้ปัญหาให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ก่อนต้องยกธงขาวยอมแพ้ เลิกเลี้ยงกันหมด
“ราคาข้าวโพดปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 12 บาท สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน จากเดือนที่แล้วราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 10.30 บาท เพิ่มขึ้นถึงกิโลกรัมละ 1.70 บาท ซึ่งข้าวโพดถือเป็นต้นทุนสำคัญในการเลี้ยงหมู เนื่องจากสัดส่วนการใช้ข้าวโพดในการผสมอาหารสัตว์นั้น เป็นสัดส่วนที่มากที่สุดราว 30-40% การที่ข้าวโพดขาดตลาดและมีราคาแพงจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกร”
นางยุพิณ กล่าวอีกว่า ขนาดมาตรการของภาครัฐ ให้ซื้อเฉพาะข้าวโพดที่ไม่ผ่านการเผาตอยังไม่ถูกบังคับใช้ ยังหาข้าวโพดยากขนาดนี้ หากมาตรการมีผลบังคับใช้เมื่อไร จะตามหาข้าวโพดมาตรฐาน หรือจะหาวัตถุดิบอื่นทดแทนให้พอใช้ได้อย่างไร จากความเดือดร้อนดังกล่าว กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยจังหวัดราชบุรี จะเข้ายื่นหนังสือขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ ที่กระทรวงพาณิชย์ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้