โครงการ “ปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่ง” เป็นโครงการดังกล่าวเป็นการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ภายใต้มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ตามความต้องการของเกษตรกรแบบมีส่วนร่วม โดยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสมทบค่าปุ๋ยและชีวภัณฑ์ในลักษณะ “ปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่ง”
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวแถลงข่าว (26 มิ.ย. 2567) ถึงวัตถุประสงค์ว่า เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ การสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการฯ รวมไปถึงการใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการสร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการถึงเงื่อนไขและคุณสมบัติการเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลในการลดค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อปัจจัยการผลิต และนำไปสู่การเพิ่มรายได้ของเกษตรกรเป็น 3 เท่าในระยะเวลา 4 ปี
ทั้งนี้เพื่อทำให้รายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเพิ่มขึ้น และสามารถพึ่งพาตนเองได้เพื่อพัฒนาเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้เข้มแข็งและเกิดความยั่งยืน และลดภาระการเงินการคลังของประเทศ โดยการสนับสนุนปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และชีวภัณฑ์ในราคาครึ่งหนึ่งไม่เกินครัวเรือนละ 500 บาทต่อไร่ ไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาท ตามราคาปุ๋ยที่จ่ายจริง รวมมูลค่าปุ๋ยไม่เกิน 20,000 บาท
นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าวกล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติเกษตรผู้ปลูกข้าวที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี2567/68 กับกรมส่งเสริมการเกษตร (รัฐช่วยจ่ายค่าปุ๋ยและชีวภัณฑ์ครึ่งหนึ่งและเกษตรกรจ่ายครึ่งหนึ่ง)เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตข้าวเพิ่มโอกาสและบรรเทาความเดือดร้อนกรมวิชาการเกษตรเตรียมตรวจเข้ม ปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่ง ย้ำเกษตรกรต้องได้ปุ๋ยคุณภาพ
ด้านนายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวถึง ปุ๋ยที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นปุ๋ยที่ได้รับการขึ้นทะเบียน หรือหนังสือสำคัญรับแจ้งถูกต้องตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และชีวภัณฑ์ต้องได้รับการขึ้นทะเบียนถูกต้องตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
กรมวิชาการเกษตรในฐานะหน่วยงานที่ดำเนินการควบคุมคุณภาพปุ๋ยและชีวภัณฑ์ในโครงการ จะดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพื่อให้เกษตรกรได้รับมอบปุ๋ยและชีวภัณฑ์ที่มีคุณภาพตรงตามวัตถุประสงค์ โดยสุ่มตัวอย่าง ตรวจสอบคุณภาพของปุ๋ยและชีวภัณฑ์ จากโรงงานผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการ ทุกรอบการผลิต (lot) ตามสูตรที่กำหนด
“หากกรมวิชาการเกษตรตรวจพบมีการผลิตสินค้าผิดมาตรฐาน หรือปลอม กรมวิชาการเกษตร จะดำเนินการตามกฎหมาย โดยหากผลิตปุ๋ยเคมีผิดมาตรฐาน มีโทษจำคุก 2-5 ปี ปรับ 80,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผลิตปุ๋ยปลอม มีโทษจำคุก 5-15 ปี ปรับ 200,000-2,000,000 บาท และหากผลิตปุ๋ยอินทรีย์ปลอม จำคุก 1 ปี 3 เดือน-3 ปี 9 เดือน ปรับ 50,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
เช่นเดียวกับผู้ประกอบการหากผลิตชีวภัณฑ์ปลอม มีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี 8 เดือน ปรับไม่เกิน 480,000 บาท หรือทั้งจำและปรับหากผลิตชีวภัณฑ์ผิดมาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี 3 เดือน ปรับไม่เกิน 330,000 บาท หรือทั้งจำและปรับดังนั้น พี่น้องเกษตรกรมั่นใจว่า "โครงการปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่ง" เกษตรกรจะได้สินค้าที่มีคุณภาพใช้เพิ่มผลผลิตในนาข้าวอย่างแท้จริง
.
“นอกจากเรื่องของการใช้ปุ๋ย การใช้ชีวพันธุ์ก็มีความสำคัญ เพราะสารชีวภัณฑ์จะช่วยให้เกิดการงอกที่ดีต้นไม้รากแข็งแรงดูดสารอาหารได้มากขึ้น ข้าวและพืชพันธุ์ธัญญาหารแข็งแรงและให้ผลผลิตมากขึ้นรวมถึงลดการใช้สารเคมีทำให้ลดค่าใช้จ่ายและเกษตรกรมีสุขภาพแข็งแรง สนับสนุนนโยบายลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร สามารถนำไปใช้ผลิตพืชปลอดภัย สอดรับกับนโยบายของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร เกษตรต้องมีความปลอดภัย ยกระดับเพิ่มรายได้ 3 เท่า ใน 4 ปีอีกด้วย” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวทิ้งท้าย