นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ 9 กรกฏาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้หยิบยกเรื่องปุ๋ยคนละครึ่งมาหารือ ตามมติ ครม.เมื่อ 25 มิ.ย. ที่รัฐบาลจะช่วยค่าปุ๋ยคนละครึ่ง ในราคาไม่เกินไร่ละ 500 บาทโดยหนึ่งรายไม่เกิน 20 ไร่ ภายในกรอบวงเงินไม่เกิน 10,000 บาท
ซึ่งมีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 4.6 ล้านราย และ ปรากฏว่าเมื่อมีมติออกไปแล้วนายกฯลงพื้นที่ตรวจราชการ สส.พรรคร่วมรัฐบาลได้สะท้อนความคิดเห็นของชาวนากลับมา จึงได้นำประเด็นดังกล่าวมาหารือในวันนี้ โดยอยู่ในวาระอื่นๆ
นายชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ความเห็นส่วนใหญ่ชาวนามองว่าปีที่ผ่านมาช่วยเหลือไร่ละไม่เกิน 1,000 บาท รายละไม่เกิน 20 ไร่ เท่ากับช่วย 20,000 บาท แต่ครั้งนี้ช่วยไล่ละไม่เกิน 500 บาทและไม่เกิน 20 ไร่เท่ากับเหลือ 10,000 บาท น้อยลงไปกว่าครึ่ง และยังจ่ายเป็นค่าปุ๋ยเป็นเงินด้วย สส.จึงเป็นกังวลว่าชาวนาจะผิดหวัง ดังนั้น ที่ประชุม ครม.จึงมีการถกเฉียงกัน และในที่สุดก็ได้ตกผลึกข้อสรุปว่า กลุ่มชาวนามีจำนวนกว่า 4 ล้านกว่าครัวเรือน หรือ 20 กว่าล้านคน และราคาข้าวเปลือกไม่เคยดีเลย ชาวนาแทบไม่เหลืออะไรเลยทำให้รายได้ไม่พอยังชีพ
โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ดังนั้นรัฐบาลจึงสนับสนุนตามมาตรการของปีที่แล้ว แต่ปีนี้ข้าวราคาดี จึงไม่ต้องพุ่งเป้าไปที่การสนับสนุนเงินช่วยเหลือ จึงหันมาดูเรื่องภาคการผลิตและเสนอโครงการปุ๋ยคนละครึ่งครั้งนี้ โดยมีปุ๋ยให้เลือก 15 สูตร และผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการก็ไม่ได้จำกัดอย่างที่ถูกครหา และยืนยันว่าเป็นเรื่องไม่จริงที่ถูกวิจารณ์ว่าทำโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อคอรัปชั่นผูกขาดกับบริษัทเพียงไม่กี่ราย พร้อมยืนยันว่า ผู้ที่เข้ามาลงทะเบียนกว่า 50 บริษัท และแต่ละพื้นที่ก็ไม่ได้เจาะจงว่าจะให้คนใดคนหนึ่งเป็นผู้ขายให้กับชาวนา ซึ่งเปิดโอกาสให้ร้านค้าแต่ละพื้นที่มาเข้าร่วมโครงการ ดังนั้นยืนยันว่าโครงการนี้ชาวนาเป็นผู้เลือกปุ๋ยเอง ดังนั้นที่ประชุม ครม.วันนี้ จึงยืนยันว่าการช่วยครั้งนี้เป็นคนละเรื่องกับรอบที่แล้ว และจะนำมาเปรียบเทียบกัน โดยไม่ใช่การนำโครงการปุ๋ยคนละครึ่งมาแทน