ตามที่รัฐบาลมีนโยบายผ่านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่อง วัตถุประสงค์เพื่อนำข้อมูลไปใช้วางแผนการผลิต การตลาด และส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรได้อย่างถูกต้องเหมาะสม รวมถึงใช้ในการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ
ในปีนี้รัฐบาลมีนโยบายลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 โดยสนับสนุนปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และชีวภัณฑ์คนละครึ่งในราคาไม่เกิน 500 บาท ครัวเรือนไม่เกิน 20 ไร่ หรือหรือไม่เกิน 10,000 บาท ตามราคาปุ๋ยที่จ่ายจริง รวมมูลค่าปุ๋ยไม่เกิน 20,000 บาท งบประมาณรวม 29,980.17 ล้านบาท
“ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “พีรพันธ์ คอทอง” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ในฐานะนายทะเบียนเกษตรกร ผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4.68 ล้านครัวเรือนให้เข้าถึงโครงการมากที่สุด
พืชทุกชนิดกว่า 7 ล้านครัวเรือน
นายพีรพันธ์ กล่าวว่า การขึ้นทะเบียนเกษตรกรในช่วง 5 ปีที่ผ่าน เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของกรมส่งเสริมการเกษตร ที่เปิดให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนทุกปี ทำให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทำให้สามารถวางแผนการผลิต การตลาด ส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และจัดทำโครงการมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกร และเป็นฐานข้อมูลในการช่วยเหลือเมื่อเกษตรกรประสบภัยพิบัติด้านพืช รวมถึงเป็นข้อมูลในการรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
สำหรับผลการดำเนินงานการขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่มีการเพาะปลูกสินค้าพืชทุกชนิด เคยมาขึ้นทะเบียนสูงสุด 7 ล้านกว่าครัวเรือน ส่วนปีที่แล้วประมาณ 6.9 ล้านครัวเรือน ในปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายจูงใจให้เกษตรกรเข้ามาสู่กระบวนการขึ้นทะเบียนได้มากกว่า 6.9 ล้านครัวเรือน โดยนำประสบการณ์จากปีที่แล้วมาสร้างความตระหนักให้เกษตรกรมีความเข้าใจในประโยชน์ของการขึ้นทะเบียนในหลายมิติ ได้แก่
มิติที่ 1 เกษตรกรสามารถที่จะรับรู้ข้อมูลผ่าน แอปพลิเคชัน Farmbook จะมีข้อมูลสำคัญ อาทิ เรื่องน้ำ ภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อม ราคาตลาด และสามารถเชื่อมต่อแผนที่เกษตรหรือ อะกรีแม็ป (Agri-Map) เพื่อบริหารเชิงรุกโดยสามารถดูในเรื่องของดินได้ด้วย
มิติที่ 2 สิทธิของเกษตรกรที่จะได้รับจากโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐในทุกมิติที่กระทรวงเกษตรฯ มีโครงการ รวมถึงสิทธิในการช่วยเหลือชดเชยจากภาครัฐ จากปัญหาภัยพิบัติไม่ว่าจะเป็นฝนแล้ง น้ำท่วมโรคแมลงต่าง ๆ หรือภัยพิบัติอื่น ๆ หากเกษตรกรขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะมีสิทธิได้รับเงินชดเชยช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง เช่น นาข้าว หากเสียหายสิ้นเชิงจะได้รับการชดเชยในอัตราไร่ละ 1,314 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ต่อราย เป็นต้น
ด่านแรกต้องขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว
นอกจากนี้ยังมีสิทธิในการช่วยเหลือจากโครงการรัฐบาลต่าง ๆ เช่น โครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือ “โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง” หรือโครงการในอนาคต ในรูปแบบต่าง ๆ ก็จะสามารถใช้สิทธิตรงนี้ได้ ดังนั้นประโยชน์จากเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนมีอย่างชัดเจนในเรื่องของข้อมูลในการประกอบการวางแผนได้ การผลิต และการตลาด ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯ โดยร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายชัดเจน “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้เกษตรกร 3 เท่า ใน 4 ปี”
ดังนั้นข้อมูลทางการตลาดและข้อมูลทางนวัตกรรม จึงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเกษตรกรที่จะต้องทำการปรับปรุงข้อมูลในทะเบียนเกษตรกรทุกครั้ง เมื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่หลังการเพาะปลูก 15 วัน ปัจจุบัน (1 ก.ค. 67) มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวนาปีกว่า 1.8 ล้านครัวเรือน จำนวน 3.7 ล้านแปลง เนื้อที่ 25 ล้านไร่ ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Farmbook จำนวน จำนวน 1.7 ล้านครัวเรือน แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาการเกษตรที่ดี
โดยเกษตรกรสามารถแจ้งข้อมูลเพื่อขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้ 3 ช่องทาง คือ 1.แจ้งข้อมูล ณ สถานที่รับขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ได้แก่ ศูนย์บริการเกษตรพิรุณราช ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ (ตามที่ตั้งแปลง) หรือจุดนัดหมายที่สำนักงานเกษตรอำเภอ กำหนด 2.เกษตรกรสามารถแจ้งขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้ด้วยตนเองออนไลน์ ผ่าน e-Form ทบก. (https://efarmer.doae.go.th) และ 3.Farmbook Application (สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม)
“ผมได้สั่งการไปยังเกษตรอำเภอ ตำบล เพื่อไปชักชวนผู้ใหญ่บ้าน กำนันเพิ่มรอบระยะเวลาและความถี่ในการขึ้นทะบียน /ปรับปรุงทะเบียน ซึ่งอยากให้พี่น้องเกษตรกรสละเวลา ใส่ใจ และให้เวลากับการเข้ามาประชาคมกับชุมชนหมู่บ้าน เพราะเป็นขั้นตอนแรกต้องทำให้ครบก่อน ถึงจะสามารถเข้าร่วมโครงการได้”
ดาวน์โหลดแอปซื้อปุ๋ยคนละครึ่ง
ทั้งนี้เมื่อขึ้นทะเบียนเกษตรกรแล้ว ให้ใช้เลขทะเบียนเกษตรกร เข้าไปลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น BAAC Mobile ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อที่จะไปเลือกสูตรปุ๋ยเคมี อินทรีย์ และชีวภัณฑ์ 16 สูตร จำนวน ชนิด ปริมาณ สั่งของ ส่งมอบ ซึ่งต้องมีการคำนวณว่าที่เกษตรกรสั่งจองไปเป็นเงินเท่าไร โดย 50% ของจำนวนเงินที่เกษตรกรสั่งซื้อต้องโอนเข้าระบบของ ธ.ก.ส. ซึ่งจะมีรายละเอียดให้พี่น้องเกษตรกรได้ทราบวันที่ 15 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้
“อย่างไรก็ดีการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ให้ระวังมิจฉาชีพหลอกลวง แอบอ้างอำนวยความสะดวกในการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร เพื่อเข้าร่วมโครงการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ จากภาครัฐผ่านช่องทางโทรศัพท์หรือ Line ซึ่งขอให้ดูรายละเอียดช่องทางการสื่อสารต่างๆ ให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนให้ข้อมูล หรือ ดำเนินการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ หากมีข้อสงสัย ให้ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการเกษตรพิรุณราช สำนักงานเกษตรจังหวัด หรือสำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้านในพื้นที่นั้นโดยตรง”