“ซีพี กรุ๊ป” ลุยสร้างคนรุ่นใหม่สู่ยั่งยืน “ธนินท์” ยัน AI แทนที่มนุษย์ไม่ได้

21 ส.ค. 2567 | 11:23 น.
อัพเดตล่าสุด :21 ส.ค. 2567 | 11:39 น.

“ซีพี กรุ๊ป” เผยแพร่รายงานความยั่งยืน 2566 หลังทำรายได้กว่า 3.3 ล้านล้านบาท ชูวิสัยทัศน์สู่อนาคต สร้างคนรุ่นใหม่ ปรับโมเดลธุรกิจรับความท้าทายโลก ยุค 5.0 “เจ้าสัวธนินท์”ยัน AI ไม่สามารถเข้ามาแทนที่มนุษย์ได้

รายงานข่าวจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เผยว่า ได้จัดทำและเผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปี 2566 อย่างเป็นทางการแล้ว ภายใต้แนวคิด "For a Better Tomorrow" รายงานฉบับนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเครือซีพีในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน มุ่งสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์ความยั่งยืนในปี 2573

“ซีพี กรุ๊ป” ลุยสร้างคนรุ่นใหม่สู่ยั่งยืน “ธนินท์” ยัน AI แทนที่มนุษย์ไม่ได้

โดยมีการกำหนด 15 เป้าหมายสำคัญตามกรอบการดำเนินงาน 3 Hs คือ Heart, Health, และ Home ครอบคลุมทุกด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) พร้อมนำเสนอกรณีศึกษาภายใต้ธีม “Inclusive Supply Chain Actions for Sustainable Tomorrow” เพื่่อเป็นการแสดงให้ผู้มีส่วนได้เสียให้เห็นถึงการส่งต่อเป้าหมายและแนวทางการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของเครือฯ สู่คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ 

ในรายงานความยั่งยืนฉบับล่าสุดนี้ ได้แสดงถึงเจตนารมย์และความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืนของผู้นำองค์กร โดยผู้นำคนแรก นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวถึงการเตรียมรับมือกับปัจจัยเสี่ยงและการพัฒนาบุคลากรในรายงานฉบับนี้ว่า

"สถานการณ์โลกในปัจจุบันและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในหลากหลายมิติ เครือฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการเตรียมรับมือกับปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น จึงได้บัญญัติค่านิยมองค์กรเพื่อให้บุคลากรใช้ยึดมั่นเป็นหลักในการปฏิบัติภารกิจหน้าที่ โดยบุคลากรเครือฯ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำเอาแก่นแท้ของค่านิยมมาบูรณาการ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรให้สามารถก้าวทันโลกอนาคตได้อย่างมั่นคงยั่งยืน"

“ซีพี กรุ๊ป” ลุยสร้างคนรุ่นใหม่สู่ยั่งยืน “ธนินท์” ยัน AI แทนที่มนุษย์ไม่ได้

นายธนินท์ กล่าวอีกว่า AI ไม่สามารถเข้ามาแทนที่มนุษย์ได้ และเครือซีพีให้ความสำคัญกับการลงทุนในการพัฒนาบุคลากร ตลอดจนการเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตการณ์ขาดแคลนแรงงานที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ผ่านการฝึกทักษะฝีมือแรงงานและการอบรมหลักสูตรต่าง ๆ เพื่อพัฒนาความรู้และคุณธรรมแก่บุคลากรในทุกระดับ

ด้าน นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า “ความยั่งยืนเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้องค์กรเติบโตและก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง เครือฯ ได้กำหนดทิศทางและยุทธศาสตร์การเติบโตสู่ยุคอุตสาหกรรมที่ล้ำหน้า ด้วยการพัฒนาและใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยในการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยยึดหลักค่านิยมองค์กร 6 ประการ ที่มุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนในทุกประเทศที่เครือฯ เข้าไปลงทุน”

ขณะที่ซีพี กรุ๊ปยังให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงทางอาหารและการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ พร้อมทั้งการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่เพื่อสืบทอดความยั่งยืนจากรุ่นสู่รุ่น

“ซีพี กรุ๊ป” ลุยสร้างคนรุ่นใหม่สู่ยั่งยืน “ธนินท์” ยัน AI แทนที่มนุษย์ไม่ได้

ขณะที่นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ปี 2566 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสในหลายด้าน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การลดภาวะโลกร้อน และการสร้างความสมดุลในภาวะโลกแบ่งขั้ว ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ การปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วน ไม่เพียงแค่องค์กรใดองค์กรหนึ่งเท่านั้น

ทั้งนี้ความสำคัญของการสร้างผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในเรื่องความยั่งยืน การเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเป้าหมาย SDGs ขององค์กร และการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างสังคมแห่งภูมิปัญหาที่ยั่งยืน

ในรายงานความยั่งยืน ปี 2566 ระบุว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์มีรายได้รวม 3,320,897 ล้านบาท และมีพนักงาน รวม 452,794 คนกระจายอยู่ในกว่า 21 ประเทศทั่วโลกที่เครือซีพีเข้าไปลงทุน ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งมีการดำเนินงานในโรงงานผลิต,ฟาร์มเลี้ยงสัตว์, ร้านค้าปลีก ศูนย์จำหน่ายสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต มินิซูเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า กว่า  18,869 แห่ง

ในปี 2566 เครือซีพีได้มุ่งเน้นสร้างสรรค์มูลค่าเพื่อสังคม โดยเน้นไปที่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน การส่งเสริมการศึกษา และการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งในรายงานฉบับนี้ได้ระบุถึงความคืบหน้าที่สำคัญหลายประการ เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยรายงานว่าเครือซีพีได้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจ (Scope 1 & 2) ได้ร้อยละ 9.45 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2564 และตั้งเป้าหมายในการเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593

สำหรับการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว  รายงานว่าในปี 2566 เครือฯ ได้ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวลง 24.78 พันตัน และมีเป้าหมายในการนำบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ทั้งหมดมาใช้ใหม่ ใช้ซ้ำ หรือย่อยสลายได้ นอกจากนี้ในด้านการพัฒนาคนรุ่นใหม่ เครือฯ ได้ลงทุนในการพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่กว่า 597  ล้านบาท ในการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ พร้อมกับการให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนกว่า 190,000 คนทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม รายงานความยั่งยืนปี 2566 เครือซีพี ได้แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในหลายด้าน เช่น ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 (Carbon Neutral) และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 (Net Zero) การลดการเกิดขยะสู่หลุมฝังกลบ (Zero Waste) และการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่ที่เครือฯ มุ่งหวังที่จะบรรลุให้ได้ภายในปี 2573

นอกจากนี้ ในรายงานยังมีการวิเคราะห์เชิงลึกและการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนแบบ Double และ Dynamic Materiality ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดการความเสี่ยงเพื่อสร้างคุณค่าในระยะยาว เครือซีพี ยังได้จัดทำรายงานเฉพาะเรื่องเพิ่มเติมอีก 6 ฉบับ เพื่ออธิบายแนวทางและผลการดำเนินงานในแต่ละด้านอย่างละเอียด

 รายงานฉบับนี้ไม่เพียงแค่สะท้อนความสำเร็จในปีที่ผ่านมา แต่ยังเป็นเครื่องมือในการกำหนดแนวทางการดำเนินธุรกิจของเครือซีพีสู่อนาคต และสื่อสารผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนให้ผู้มีส่วนได้เสีย มุ่งเน้นการบูรณาการความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในทุกมิติ