“พาณิชย์” เร่งสอบ 165 รายเสี่ยงเข้าข่ายนอมินี ไล่ตรวจเพิ่ม 5 ธุรกิจ

29 ส.ค. 2567 | 08:02 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ส.ค. 2567 | 08:09 น.

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดผลตรวจสอบธุรกิจเสี่ยงเป็นนอมินี 165 ราย เดินหน้าสอบเชิงลึกเพิ่ม พร้อมขยายขอบเขตตรวจสอบอีก 5 สาขา ค้าส่ง-ค้าปลีก คลังสินค้า ก่อสร้าง วิศวกรรม ค้าเหล็ก เร่งประสานแพลตฟอร์ม TEMU จดทะเบียน ตั้งสาขาในไทย

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคนไทยถือหุ้นแทนต่างชาติในการประกอบธุรกิจ (นอมินี) ว่าตั้งแต่ต้นปี 2567 กรมร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ตรวจสอบนอมินีและลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจเป้าหมายจำนวน 26,019 ราย ใน 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่

1.ภัตตาคาร ร้านอาหาร

2.ค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์

3.โรงแรม รีสอร์ต

4.ขนส่ง โลจิสติกส์

ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี และกรุงเทพฯ โดยได้ติดตามงบการเงิน สถานที่ตั้ง ตามการประกอบธุรกิจ พร้อมออกหนังสือให้ นิติบุคคลชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและการลงทุน ทั้งหมด 498 ราย ซึ่งผลการคัดกรองธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าข่ายการเป็นนอมินี และต้องตรวจสอบเชิงลึกเพิ่มเติม 165 ราย ส่วนที่เหลือ 333 รายไม่มีความผิดปกติ

ล่าสุด กรมได้ขยายขอบเขตการตรวจสอบการประกอบธุรกิจนอมินีในธุรกิจเป้าหมาย 5 ธุรกิจ คือ ค้าส่ง-ค้าปลีก, คลังสินค้า, ก่อสร้าง, วิศวกรรม และค้าเหล็ก ซึ่งเป็นการหารือและพูดคุยกับผู้ประกอบการธุรกิจ ซึ่งเห็นว่ากลุ่มธุรกิจดังกล่าวเข้าข่ายให้มีการตรวจสอบ

โดยได้ติดตามงบการเงิน สถานที่ตั้ง ตามการประกอบธุรกิจ พร้อมออกหนังสือให้ นิติบุคคลชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและการลงทุน ทั้งหมด 498 ราย ซึ่งผลการคัดกรองธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าข่ายการเป็นนอมินี และต้องตรวจสอบเชิงลึกเพิ่มเติม 165 ราย ส่วนที่เหลือ 333 รายไม่มีความผิดปกติ

ล่าสุด กรมได้ขยายขอบเขตการตรวจสอบการประกอบธุรกิจนอมินีในธุรกิจเป้าหมาย 5 ธุรกิจ คือ ค้าส่ง-ค้าปลีก, คลังสินค้า, ก่อสร้าง, วิศวกรรม และค้าเหล็ก ซึ่งเป็นการหารือและพูดคุยกับผู้ประกอบการธุรกิจ ซึ่งเห็นว่ากลุ่มธุรกิจดังกล่าวเข้าข่ายให้มีการตรวจสอบ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยหากสงสัยหรือมีข้อมูลสามารถส่งข้อมูลมาให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ เพื่อที่จะดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกต่อไป และกรมก็พร้อมที่จะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตรวจสอบด้วย

 “การตรวจสอบธุรกิจก็พิจารณาถึงพฤติกรรมของการทำธุรกิจ หรือมีการทำนิติกรรมอำพรางหรือไม่ หากพบสามารถแจ้งได้ ปัจจุบันนี้ยังไม่ได้รับการแจ้งข้อมูลมาแต่อย่างไร”

สำหรับกรณี TEMU ซึ่งที่ประชุมให้มีการจดทะเบียนนั้น เบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์ได้มีการประสานไปทางสถานทูตจีน ให้รับทราบว่าหากเป็นไปได้อยากได้รับความร่วมมือ ในการเข้ามาจดทะเบียน ตั้งสาขาที่ประเทศไทย เนื่องจากผู้บริโภคที่ใช้บริการได้รับความเดือดร้อน ก็จะสามารถประสานงานได้สะดวก อย่างไรก็ดี ยังอยู่ระหว่างที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกำหนด พร้อมติดตามว่าสามารถกำหนดเงื่อนไขได้หรือไม่ และแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อไป