นายนัยฤทธิ์ จำเล ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในวันพรุ่งนี้ (21 ต.ค.67) ทางชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จะพาสหกรณ์ สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน หรือโครงการนมโรงเรียน เพื่อขอให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีช่วยเรื่องปรับราคากลางให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนกับราคาน้ำนมดิบที่เพิ่มขึ้น ให้สอดคล้องกับต้นทุนการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรไม่เช่นนั้นอาชีพโคนมที่เป็นอาชีพพระราชทานของในหลวงรัชกาลที่ 9 อาจต้องล่มสลาย
“หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567 ทางคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม หรือ "มิลค์บอร์ด" ได้เห็นชอบปรับราคาน้ำนมดิบที่รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรปรับเพิ่มราคาขึ้น 2.25 บาทต่อกิโลกรัม ให้มีผลในวันดังกล่าว จะต้องปรับราคากลางนมโรงเรียนเพิ่มขั้น 46 สตางค์ต่อหน่วย (ขนาด 200 ซีซี) ให้สอดคล้องกับต้นทุนน้ำนมดิบที่เพิ่มขึ้น”
นายนัยฤทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางชุมนุมสหกรณ์โคนมฯ ได้พยายามเรียกร้องมาโดยตลอด แต่ไม่แน่ใจว่าติดปัญหาอะไร ก็อยากจะวิงวอนให้รัฐบาลเร่งช่วยเป็นการด่วน เพราะผลจากปัญหาราคาที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุนทำให้สหกรณ์ต้องเผชิญปัญหาการขาดทุนเป็นรายวัน
สอดคล้องกับนายสมพงศ์ ภูพานเพชร ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอให้ทางรัฐบาลอนุมัติในเรื่องปรับราคากลางในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ให้สอดคล้องกับราคาน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้มีผลมติที่ประชุมก่อนการเปิดภาคเรียนที่ 2/2567 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567
อนึ่ง เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้จัดการประชุมเวทีรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคากลางนมโรงเรียน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากต้นทุนการผลิตนมที่เพิ่มสูงขึ้นเกษตรกรโคนมหลายรายต้องแบกรับภาระหนักจากการปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานสำคัญต่างๆ เข้าร่วมได้แก่ กรมปศุสัตว์, กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น,
องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย,ชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด , สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม, กรมการค้าภายใน และผู้แทนเกษตรกรจากทั่วประเทศโดยผลสรุปจากการประชุมมีมติเห็นชอบให้เสนอ ปรับขึ้นราคานมโรงเรียนเพิ่มอีก 0.46 บาทต่อหน่วย เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโคนมในระยะเร่งด่วน ซึ่งหลังจากนี้ สำนักงานสภาเกษตรกรฯ จะติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด และเตรียมนำเรื่องนี้เข้าหารือต่อที่ประชุมใหญ่ของสภาเตรกรฯ ในวันที่ 24-25 ต.ค. 2567 เพื่อนำเสนอให้ คณะรัฐมนตรี พิจารณาอย่างเร่งด่วน