วันนี้ (28 ตุลาคม 2567) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาตร์ เปิดเผยว่า สนค.ได้วิเคราะห์ถึงประโยชน์ของไทยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก BRICS โดยปัจจุบันไทยมีสัดส่วนการส่งออกกับประเทศสมาชิก BRICS (9 ประเทศสมาชิกทางการ) มูลค่า 42,769.8 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.4 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ด้านเศรษฐกิจและจำนวนประชากรขนาดเศรษฐกิจของกลุ่ม BRICS คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของขนาดเศรษฐกิจโลก และมีจำนวนประชากร รวมมากถึง 3,617.6 ล้านคน คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลกสัดส่วน 45.5%
ขณะเดียวกัน หากประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการ จะสร้างโอกาสทางการลงทุน ดึงดูดนักลงทุนจากกลุ่ม BRICS เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทั้งในด้านการผลิตและการบริการ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยและเกิดการจ้างงานภายในประเทศ รวมถึงช่วยยกระดับบทบาทของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ เปิดกว้างพร้อมรับการค้าและการลงทุนจากทุกประเทศ
นอกจากนี้ การเข้าร่วมกลุ่ม BRICS จะเป็นการกระชับความร่วมมือกับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นมา มีบทบาททางเศรษฐกิจและการเมืองในอนาคต โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุน การเงิน ความมั่นคง ด้านอาหารและความมั่นคงด้านพลังงาน อีกทั้งช่วยเพิ่มบทบาทของประเทศไทยในการกำหนดทิศทาง นโยบายทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศอีกด้วย
อย่างไรก็ดี สถิติการส่งออกของไทย-BRICS (9 ประเทศสมาชิกทางการ) โดย 9 เดือนแรกของปี 2567 ไทยส่งออกไปยังกลุ่ม BRICS มูลค่า 42,769.8 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 19.2% ของการส่งออกรวมขยายตัว 2%
ขณะที่ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และ ส่วนประกอบ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และไม้และผลิตภัณฑ์ไม้
สำหรับตลาดสำคัญในกลุ่ม BRICS ตามสัดส่วน ได้แก่ จีน 61.7%, อินเดีย 20%, UAE 6.2%, แอฟริกใต้ 5.4%, บราซิล 3.9%, รัสเซีย 1.4%, อียิปต์ 1.1%, อิหร่าน 0.2%, และ เอธิโอเปีย 0.09% และด้านการลงทุน “จีน” เป็นหนึ่งในประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 จีนเป็นประเทศที่มีการยื่นขอรับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สูงที่สุดด้วยมูลค่า159,387 ล้านบาท