นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ กรรมการในคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) และนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กรมการค้าภายใน ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ นบข. ได้มีหนังสือเชิญประชุมในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ โดยจะมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ซึ่งจะมีวาระการประชุม ดังนี้
วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งในที่ประชุมทราบ
วาระที่ 2 เรื่องเพื่อทราบ
-สถานการณ์ข้าวโลกข้าวไทย
-ความคืบหน้าผลการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2566/67
วาระที่ 3 เรื่องเพื่อพิจารณา
มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปีการผลิต 2567/68
(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีการผลิต
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
(3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก
การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้กรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.)
(1) คณะอนุกรรมการนโยบาบและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิต
(2) คณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด
(3) คณะอนุกรรมการพิจารณาชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก
(4) คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการบริหารจัดการข้าวระดับจังหวัด
และขอทบทวนโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
วาระที่ 4 เรื่องอื่นๆ (ถ้ามี)
นายปราโมทย์ ตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องโครงการปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่ง งบกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)ไปแล้วก่อนหน้านี้ ไม่แน่ใจว่าจะมีการทบทวนโครงการในเรื่องอะไรบ้าง แต่สิ่งที่ชาวนาทั่วประเทศรอคอยคือ โครงการเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน หรือไม่เกินครัวเรือนละ 20,000 บาท ตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ รวมถึงข้าวชนิดอื่น ๆ ที่คาดจะมีการดำเนินการในวันที่ 15 พ.ย.นี้ ถือเป็นความหวังของชาวนา และเป็นนโยบายที่มีการดำเนินมาอย่างต่อเนื่องในแต่ละรัฐบาล แต่ทำไมไม่มีการบรรจุในวาระการประชุมครั้งนี้ ทั้งที่เป็นมาตรการที่ช่วยเหลือชาวนาได้โดยตรง
“เดิมในการประชุม นบข.ในครั้งนี้ จะมีการนำเสนอโครงการไร่ละ 1,000 บาท เพื่อให้ที่ประชุมได้พิจารณาถึงความจำเป็นของโครงการนี้ ว่าควรจะมี เนื่องจากเวลานี้ชาวนาขายข้าวเปลือกได้ 7,000-8,000 บาทต่อตันเท่านั้น จากผลกระทบอินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาว ปากีสถานเองก็มีข้าวราคาถูกกว่าก็ขายแข่ง ดังนั้นการขายข้าวเปลือกในรอบนี้ชาวนามีปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ซึ่งหากไม่มีโครงการนี้ ก็ต้องประกาศให้ชัดเจนว่ามีเหตุผลอะไร จะได้ไปชี้แจงกับชาวนาทั่วประเทศได้"