มาตรการพยุงราคาข้าวเปลือกปี 67/68 นบข. ไฟเขียววงเงินจ่ายขาด 9.6 พันล้าน

09 พ.ย. 2567 | 01:17 น.
อัปเดตล่าสุด :09 พ.ย. 2567 | 03:00 น.

พิชัย รมว.พาณิชย์ เผยมติ นบข. อนุมัต 3 มาตรการดูแลราคาข้าวเปลือกปี 67/68 ประกอบด้วย สินเชื่อชะลอการขายข้าว สินเชื่อรวบรวมข้าว และชดเชยดอกเบี้ยผู้ประกอบการเก็บสต๊อก รวมวงเงิน 3 โครงการ 9,600 ล้านบาท พร้อมสั่งทบทวนโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง อีกครั้ง

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มีการหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2567 ที่ผ่านมา โดยในที่ประชุม นบข. ได้อนุมัติมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปีการผลิต 2567/68 รวม 3 มาตรการ คิดเป็นวงเงินจ่ายขาด 9,604 ล้านบาท (ไม่รวมวงเงินสินเชื่อของทั้ง 3 มาตรการที่อนุมัติอีก 50,481 ล้านบาท)ประกอบด้วย 

 

สินเชื่อชะลอขายข้าว

1.สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี เป้าหมาย 3 ล้านตัน วงเงิน 8,362.76 ล้านบาท โดยช่วยค่าฝาก 1,500 บาท/ตัน ในกรณีเข้าร่วมกับสหกรณ์ สหกรณ์รับ 1,000 บาท/ตัน เกษตรกรรับ 500 บาท/ตัน โดยเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง 1–5 เดือน เริ่มตั้งแต่ ครม. มีมติ - 28 ก.พ.2568 และเกษตรกรสามารถนำข้าวไปขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 

โดยข้าวหอมมะลิตันละ 12,500 บาท ปรับเพิ่มจากปีก่อนที่ตันละ 12,000 บาท (+500 บาท/ตัน) ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 11,000 ล้านบาท ปรับเพิ่มจากปีก่อนที่ตันละ 10,500 บาท (+500 บาท/ตัน) ข้าวหอมปทุมธานี ตันละ 10,000 บาท ข้าวเจ้า ตันละ 9,000 บาท และข้าวเหนียว ตันละ 10,000 บาท หากข้าวราคาขึ้น เกษตรกรสามารถไปไถ่ถอนออกมา เพื่อนำมาจำหน่ายได้ 

สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าว

2.สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน ปรับเพิ่มจากปีก่อนที่เป้าหมาย 1 ล้านตัน  (+0.5 ล้านตัน) วงเงิน 656.25 ล้านบาท โดยสหกรณ์จ่ายดอกเบี้ย 1% รัฐช่วยดอกเบี้ย 3.5% ระยะเวลา 15 เดือน ระยะเวลาการจ่ายสินเชื่อตั้งแต่ ครม. มีมติ -30 ก.ย.2568 

ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการ

3.ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการเก็บสต๊อก เป้าหมาย 4 ล้านตัน วงเงิน 585 ล้านบาท โดยรัฐช่วยดอกเบี้ย 3% เก็บสต๊อก 2–6 เดือน ระยะเวลารับซื้อตั้งแต่ ครม. มีมติ - 31 มี.ค.2568 

นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาทบทวนโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เนื่องจากการดำเนินการที่ผ่านมา พบว่า ยังมีข้อจำกัดและข้อพิจารณาเกี่ยวกับขั้นตอนและแนวทางการปฏิบัติ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำกลับไปทบทวนหลักเกณฑ์และวิธีการให้มีความเหมาะสม รัดกุม และสอดคล้องกับหลักการตามมติคณะรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ยังให้คงมาตรการหรือโครงการในลักษณะที่เป็นการสนับสนุนการเพิ่มระดับผลิตภาพ (Productivity) ของภาคการเกษตร ผ่านการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพดิน การพัฒนาแหล่งน้ำ และสนับสนุนปัจจัยการผลิต เพื่อยกระดับกระบวนการผลิตและคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร และให้นำเสนอ นบข. อีกครั้ง

 

มาตรการพยุงราคาข้าวเปลือกปี 67/68 นบข. ไฟเขียววงเงินจ่ายขาด 9.6 พันล้าน

 

ขณะเดียวกัน การพัฒนาการผลิตข้าวให้มีความยั่งยืนในระยะยาว ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริหารจัดการข้าวให้มีความสมดุลกันระหว่างอุปสงค์และอุปทาน คำนึงถึงความเพียงพอในการบริโภคภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญต้องทำให้ชาวนามีความแข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดี โดยรัฐบาลจะเดินหน้าส่งเสริมและสนับสนุนด้านตลาดและการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าการเกษตร