ผวา“สงครามนิวเคลียร์-สงครามโลก” จ่อปะทุ ทุบเศรษฐกิจไทย-โลกกู่ไม่กลับ

26 พ.ย. 2567 | 08:18 น.
อัปเดตล่าสุด :26 พ.ย. 2567 | 10:45 น.

ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจ ชี้มีความเป็นไปได้สูง “สงครามนิวเคลียร์-สงครามโลกครั้งที่ 3” หลังสหรัฐ-อังกฤษ-ฝรั่งเศส ล้ำเส้นแดง ส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้ยูเครนยิงเข้าไปในรัสเซีย เข้าเงื่อนไข “ปูติน” ตอบโต้ ผวาเป็นจริงก่อน “ทรัมป์” เข้ารับตำแหน่ง ทุบเศรษฐกิจไทย-โลกทรุด

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์  พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ วิเคราะห์ผ่าน “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า มีโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ โดยรัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ (ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. 2568) เพื่อโต้ตอบยูเครนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลจากสหรัฐฯ (ATACMS)  Scalp ของฝรั่งเศส  และ Storm Shadow ของอังกฤษ ที่ยิงเข้าไปในพื้นที่ของรัสเซีย (Kursk region และ Bryansk region)

เห็นได้จาก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (19 พ.ย. 67) รัฐบาลรัสเซีย ประกาศจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ ภายใต้เงื่อนไขว่าชาติตะวันตกสนับสนุนขีปนาวุธให้ยูเครน และปูตินประกาศจะตอบโต้ยูเครนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และเมื่อเดือนกันยายน 2567 ปูตินเคยเตือนว่า ห้ามใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย

ที่สำคัญคือ ปูตินได้ใช้คำสั่งผู้บริหาร (Executive Order) ลงนามเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายยน 2567 ให้รัสเซียมีสิทธิในการใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องอธิปไตยรัสเซียตาม “Basic Principles of State Policy of the Russian Federation on Nuclear Deterrence.” สถานการณ์ทั้งหมดข้างต้นถือว่าเข้าเงื่อนไขของรัสเซีย

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์  พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ดี ขึ้นกับสถานการณ์ก่อนวันที่ 20 มกราคม 2568 ที่โดนัลด์ ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งผู้นำคนใหม่ของสหรัฐ ว่าชาติตะวันตกเมินคำเตือน และคำพูดของปูตินที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรือไม่

ขณะเดียวกัน พัฒนาการของสงคราม มีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือไม่นั้น

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นกับ 2 ปัจจัย โดยปัจจัยหลัก คือ การใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียโจมตียูเครน และยุโรป ตามด้วยการเข้าโจมตีรัสเซียชองชาติสมาชิกนาโต้ และมีผลทำให้อิหร่านและเกาหลีเหนือร่วมรบกับรัสเซีย ปัจจัยรองลงมาคือ สงครามอิสราเอลกับพันธมิตรของอิหร่านในตะวันออกกลางเข้มข้นมากยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัย จะกลายเป็นพื้นที่สงครามโลกครั้งที่ 3 ได้

ผวา“สงครามนิวเคลียร์-สงครามโลก” จ่อปะทุ ทุบเศรษฐกิจไทย-โลกกู่ไม่กลับ

อย่างไรก็ตาม จากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ดำเนินมามากกว่า 1,000 วัน (ครบ 1,000 วันเมื่อ 18 พ.ย. 2567) พบว่า ทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัว 0.4-1% ( อ้างอิงข้อมูล IMF 2024 “Medium Term Macroeconomics Effects of Russia’s War in Ukraine and How it Effect Energy Security and Global Emission Targets”) และจากรายงานของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดใหม่และไทยลดลงไป  0.3-0.6%

ทั้งนี้ หากรัสเซียใช้อาวุธนิวเคลียร์และพัฒนาเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ในที่สุด ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกปี 2568 จะลดลงไป 15-30% (งานวิจัยของ Angus Maddison  (2001) The world Economy : A Millennial Perspective และงานวิจัย world Bank (1990) ชื่อว่า World Development Indicators) นั่นหมายความว่า เศรษฐกิจโลกจะมีอัตราการขยายตัวที่ติดลบ ซึ่งขึ้นกับ 3 ฉากทัศน์ของสงคราม (กราฟิกประกอบ)

ผวา“สงครามนิวเคลียร์-สงครามโลก” จ่อปะทุ ทุบเศรษฐกิจไทย-โลกกู่ไม่กลับ

“โลกในปี 2568 มีความไม่แน่นอนสูงจาก 2 ปัจจัยหลักคือ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายของทรัมป์ 2.0  ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในทุกมิติ (ทั้งอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ค่าเงิน สงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี โลกร้อน ราคาน้ำมัน ต้นทุนการขนส่ง และราคาสินค้า) โดยมีโอกาสสูงที่เศรษฐกิจโลกในปี 2568 จะขยายตัวลดลง 0.5-1%  (ไม่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3)  และเศรษฐกิจไทยจะหดตัวลงในสัดส่วนใกล้เคียงกับเศรษฐกิจโลก