วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 รอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้อนุมัติหลักการนิวเคลียร์ฉบับใหม่ที่ลดเงื่อนไขการใช้อาวุธนิวเคลียร์ลง โดยรัสเซียสามารถพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธทั่วไปที่ "สร้างภัยคุกคามร้ายแรงต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน" ของรัสเซียหรือพันธมิตรเบลารุส
การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัสเซียกล่าวหาว่ายูเครนได้ใช้ขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐฯ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย โดยเฉพาะในเขต Bryansk ด้วยขีปนาวุธ 6 ลูก ซึ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียสามารถสกัดกั้นได้ 5 ลูกและทำความเสียหายได้ 1 ลูก
เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะถือว่านี่เป็น "ระยะใหม่เชิงคุณภาพของสงครามตะวันตกต่อต้านรัสเซีย" และจะตอบโต้อย่างเหมาะสม โดยเชื่อว่าการโจมตีดังกล่าวต้องใช้บุคลากรและข้อมูลของสหรัฐฯ
หลักการใหม่นี้ระบุว่า การโจมตีใดๆ โดยประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์แต่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ จะถือเป็นการโจมตีร่วมกัน และการโจมตีโดยสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรทางทหารใดๆ จะถือเป็นการโจมตีโดยพันธมิตรทั้งหมด
เจ้าหน้าที่รัสเซียและตะวันตกบางส่วนมองว่า สงครามในยูเครนกำลังเข้าสู่ระยะสุดท้ายและอันตรายที่สุด ในขณะที่กองกำลังรัสเซียกำลังรุกคืบหน้าเร็วที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ ของความขัดแย้ง และชาติตะวันตกกำลังพิจารณาว่าสงครามจะจบลงอย่างไร
นักการทูตรัสเซียเปรียบเทียบวิกฤตครั้งนี้ว่าคล้ายกับวิกฤตขีปนาวุธคิวบาในปี พ.ศ. 2505 ซึ่งเป็นช่วงที่มหาอำนาจในสงครามเย็นทั้งสองฝ่ายเกือบจะเริ่มสงครามนิวเคลียร์