นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสถานีบริการน้ำมัน สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ และสนามบิน ในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ที่ประชาชนออกเดินทางกลับต่างจังหวัดและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ การตรวจสอบมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง กรมได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สายตรวจคุมเข้มการตรวจสอบมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการ ตามเส้นทางการเดินรถที่เป็นรอยต่อของจังหวัดกรุงเทพฯและปริมณฑล มุ่งหน้าออกสู่ต่างจังหวัด และในเขตพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยออกตรวจสอบอย่างน้อย 2,000 สถานี ครอบคลุมประมาณ 60,000 หัวจ่าย โดยตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. – 24 ธ.ค. 2567 ตรวจสอบแล้ว 4,702 สถานี 93,381 หัวจ่าย สูงกว่าเป้าหมาย 2,702 สถานี 33,369 หัวจ่าย พบหัวจ่ายถูกต้องทั้งหมด
ขณะเดียวกัน และประชาชนสามารถมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น หากพบเห็นสถานีบริการน้ำมันที่เข้าร่วมโครงการ “หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” ซึ่งกรมได้มอบป้ายสัญลักษณ์โครงการให้แก่บริษัทผู้ค้าน้ำมันที่ให้ความร่วมมือกับกรม สมัครเข้าร่วมโครงการ และรายงานผลการตรวจสอบให้กรมทราบเป็นประจำทุกเดือนตามเงื่อนไขโครงการ ปัจจุบันมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 7,000 สถานี
นอกจากนี้ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบการ ณ สถานีกลางบางซื่อ และสถานีขนส่งหมอชิต 2 ให้มีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและค่าบริการอย่างชัดเจน รวมทั้งกำชับให้คิดค่าสินค้าและบริการให้ตรงกับป้ายราคาที่แสดงไว้ เพื่อป้องปรามมิให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาจำหน่ายสินค้าและบริการสูงเกินสมควร และได้ส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจออกตรวจสอบผู้จำหน่ายสินค้าละผู้ให้บริการตามสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งอื่นๆ เช่น สถานีขนส่งเอกมัย สถานีขนส่งผู้โดยสารสายใต้
ทั้งนี้ สำหรับในภาพรวมปีนี้ราคาจำหน่ายสินค้าและค่าบริการบริเวณสถานีกลางบางซื่อ และสถานีขนส่งหมอชิต 2 ส่วนใหญ่มีราคายังคงทรงตัวใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เช่น ข้าวราดแกง 1 อย่าง ราคา 40-50 บาท/จาน ข้าวราดแกง 2 อย่าง ราคา 50-60 บาท/จาน ข้าวผัดหมู/ไก่ ราคา 40-60 บาท/จาน ก๋วยเตี๋ยวหมู 40-50 บาท/ชาม น้ำขวดเพท ขนาด 600 มล. ราคา 7-10 บาท/ขวด ค่าบริการรับฝากสัมภาระตู้อัตโนมัติ ที่สถานีกลางบางซื่อ ราคา 60 บาท/ชม. ที่สถานีขนส่งหมอชิต เริ่มต้นที่ 30 บาท/ชิ้น (ราคาตามขนาดของกระเป๋า)
นอกจากนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่เดินทางโดยเครื่องบิน จึงได้สั่งการให้นายตรวจชั่งตวงวัดทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคออกตรวจสอบเครื่องชั่งน้ำหนักกระเป๋าสัมภาระในท่าอากาศยานพาณิชย์ทั้ง 31 แห่งทั่วประเทศ ให้มีความถูกต้องเที่ยงตรง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เนื่องจากน้ำหนักของกระเป๋าสัมภาระมีผลต่อการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมของสายการบิน โดยได้ดำเนินการตรวจสอบระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. – 24 ธ.ค. 2567 ครบถ้วนแล้วทั้ง 31 แห่ง 1,078เครื่อง แยกเป็น เครื่องชั่งดิจิทัล 1,069 เครื่อง และเครื่องชั่งสปริง 9 เครื่อง ถูกต้องครบถ้วนทั้งหมด
“ขอให้ประชาชนเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างมั่นใจ หากพบเห็นการจำหน่ายสินค้าและบริการที่ไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือ [email protected] หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ"
ทั้งนี้ หากพบการกระทำผิดจริงกรมการค้าภายในจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคามีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควรกักตุนสินค้า และปฏิเสธการจำหน่ายต้องโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับสถานีบริการน้ำมันใดที่ถูกตรวจพบว่าใช้มาตรวัดที่ไม่ถูกต้อง มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีพบว่ามีการดัดแปลงมาตรวัดจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 280,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนกรณีผู้ที่ใช้เครื่องชั่งโดยที่รู้อยู่ว่าเครื่องชั่งนั้นแสดงผลผิดหรือไม่เที่ยงตรงเกินกฎหมายกำหนด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ