ด้วยพันธกิจในการนำองค์กรให้ก้าวผ่านวิกฤติพร้อมทั้งนำพาองค์กรให้เติบโตภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน
“โยชิทาเกะ” ยอมรับว่า วิกฤติครั้งนี้ค่อนข้างหนัก การทำหน้าที่บริหารธุรกิจในภาวะเช่นนี้ สิ่งที่ต้องเร่งทำคือ การพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมาเติบโตได้อย่างเดิม ในขณะที่สถานการณ์โดยรวมของไทย เริ่มค่อยๆ กลับมาฟื้นตัว แต่ในฐานะของผู้นำจะชะล่าใจไม่ได้ เพราะความผันผวน หรือเหตุการณ์ที่ไม่ปกติสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะฉะนั้น จะต้องบริหารงานอย่างระมัดระวัง และศึกษาข้อมูลรอบด้าน ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง
จากการตรวจสอบข้อมูลของ “ฐานเศรษฐกิจ” จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุถึงผลการดำเนินงานของยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2562 ยูนิโคล่มีรายได้รวม 12,237 ล้านบาท กำไร 2,424 ล้านบาท ปี 2563 รายได้ 10,606 ล้านบาท กำไร 2,007 ล้านบาท และปี 2564 รายได้รวม 8,409 ล้านบาท กำไร 1,132 ล้านบาท
ยูนิโคล่มีเป้าหมายการพัฒนาองค์กรด้านความยั่งยืน และดำเนินการเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแนวทางดังกล่าว ถือเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ยูนิโคล่ยังสามารถทำรายได้และกำไรต่อเนื่อง แม้รายได้จะลดลงบ้างจากสถานการณ์ไม่ปกติที่เกิดขึ้น หัวใจสำคัญ หรือคีย์ซัคเซส ที่ซีอีโอ ยูนิโคล่ สามารถผลักดันธุรกิจให้มีความก้าวหน้า คือ การเข้าใจลูกค้าให้มากที่สุด และมีการสื่อสารถึงลูกค้า พร้อมทั้งผู้มีส่วนได้เสีย ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือพาร์ทเนอร์ เพื่อการนำเสนอบริการที่ดีให้กับลูกค้า
“บริษัทของเรายังค่อนข้างใหม่ เราเกิดมาได้ 10 ปี ...เรื่องสำคัญจริงๆ คือ เราต้องตั้งเป้าไว้ให้สูง เพื่อเดินไปให้ถึงเป้าหมายนั้น ผ่านการพัฒนาตลอดเวลา โดยเราต้องทำความเข้าใจ และสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า พนักงาน สมาชิก เพื่อการเดินหน้าไปสู่จุดหมายด้วยกัน”
ขณะเดียวกัน จากการที่ได้เผชิญกับโควิด -19 ทำให้ได้เรียนรู้ว่า คนทั่วโลกเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นแฟ้น ไม่มีใครสามารถอยู่โดยลำพังได้... “เรามีปรัชญา เปลี่ยนภาพลักษณ์ เปลี่ยนโลก เราเชื่อว่าการส่งมอบเสื้อผ้าที่ดี จะสามารถสร้างโลกที่ดีขึ้นได้
จากเป้าหมายของฟาสต์ รีเทลลิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของยูนิโคล่ ตั้งเป้าในปี 2030 ในการพยายามสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน ด้วยความคิดริเริ่ม 2 ด้าน คือ การให้ความสำคัญกับลูกค้า และการดูแลตั้งแต่ซัพพลายเชน ไปจนถึงการจัดจำหน่าย ยูนิโคล่ได้พัฒนาเสื้อผ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมลดการใช้น้ำในการผลิต ให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ด้วยเป้าของการสร้างให้ยูนิโคล่เป็นเบอร์ 1 ด้านความยั่งยืนในไทย
ประเทศไทย ถือเป็นตลาดสำคัญของยูนิโคล่ ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ดังนั้น การขยายธุรกิจและการลงทุนในไทยยังมีอย่างต่อเนื่องแน่นอน โดยเฉพาะการสร้างสาขาที่เป็นสแตนอโลน หรือ โรด์ไซด์ ที่จะทำให้ยูนิโคล่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้ได้เรียนรู้และทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นด้วย
ซีอีโอ ยูนิโคล่ ประเทศไทย บอกว่า ช่วงที่ผ่านมา เขาได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับโควิด-19 ทำให้ได้เห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันไปใช้โมบายมากขึ้น ซึ่งยูนิโคล่ก็ต้องปรับตัวเอง เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเหล่านั้น การบริหารงานในโลกยุคใหม่ ที่ต้องทำทั้งการพลิกฟื้นรายได้ การทำตลาด การใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม การให้ความสำคัญกับแกนธุรกิจด้านความยั่งยืน ทุกอย่างต้องบาลานซ์กันให้ดี
“ความยั่งยืนเป็นองค์ประกอบหลักอีกตัวหนึ่ง ที่เข้ามาเสริมการทำธุรกิจ เรายังคงต้องเน้นสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพ เราเชื่อในการสร้างผลิตภัณฑ์ด้านความยั่งยืน
ที่จะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ และทำให้ลูกค้าเข้าใจได้มากขึ้น ซึ่งยูนิโคล่จะพยายามเพิ่มเอสเคยูเสื้อผ้ารีไซเคิลให้มากขึ้นเรื่อยๆ”
ผู้บริหารยูนิโคล่ ทิ้งท้ายว่า การทำธุรกิจของยูนิโคล่ ไม่ได้ดูตัวเลขเป็นสำคัญ แต่ดูความต้องการลูกค้าเป็นหลัก ยูนิโคล่จะตั้งสาขาอยู่ที่ใด จะผลิตสินค้ารูปแบบไหนออกมา นั่นคือ ความต้องการของลูกค้า
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,780 วันที่ 5 - 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2565