รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญงานวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเกษตร ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Witsanu Attavanich” (17 ก.ค. 67) อัพเดทน้ำท่วมน้ำแล้งระวังฝนมากปลายปี! ช่วง ม.ค. – มิ.ย. 67 ร้อนเดือดทุบสถิติโลกใหม่ในรอบ 175 ปี และจะร้อนกว่าปกติถึง ต.ค. 67 ขณะที่ลานีญาจะเกิดขึ้นช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนที่ผ่านมา น่าจะเริ่ม ก.ย. 67 และเดือน ส.ค. 67 ระวังฝนขาดช่วงในภาคเหนือฝั่งตะวันตก ตะวันตก ตะวันออก กลาง และอีสานตอนล่าง นอกจากนั้น ทุกภูมิภาคต้องระวังฝนมากและน้ำท่วมช่วง ก.ย.-ต.ค. 67 และภาคใต้ระวังฝนมากและน้ำท่วมช่วง ต.ค.-ธ.ค. 67
ล่าสุดองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NOAA) รายงานว่าอุณหภูมิช่วง ม.ค. – มิ.ย. 67 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 175 ปี เมื่อกับช่วงเวลาเดียวกัน โดยอุณหภูมิภาคพื้นดิน (Land Temperature) สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.91 องศาเซลเซียส นอกจากนั้น ทะเลก็เดือดขึ้น โดยอุณหภูมิในมหาสมุทร (Ocean Temperature) ช่วง ม.ค. – มิ.ย. 67 สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.01 องศาเซลเซียส
ทาง Climate Prediction Center (NOAA) รายงานว่าเราได้เข้าสู่เฟสกลาง (Neutral Phase) หรือภาวะปกติเต็มตัวตั้งแต่เดือน มิ.ย. 67 และคาดว่าจะต่อเนื่องไปถึง ส.ค. 67 (ภาพซ้ายแท่งสีเทา) โดยปรากฎการณ์ลานีญาจะเกิดขึ้นช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนที่ผ่านมา โดยลานีญาน่าจะเริ่มเดือน ก.ย. 67 (ภาพซ้ายแท่งสีน้ำเงิน) และคาดว่าจะเพิ่มกำลังถึงจุดสูงสุดช่วง พ.ย. 67 – ม.ค. 68 โดยกำลังลานีญามีโอกาสอยู่ในระดับอ่อน-ปานกลางมากที่สุด ขณะที่กำลังลานีญาระดับรุนแรงมีโอกาสเกิดราว 19% ลดลงจากเดิมที่ 27%
ภาพที่ 3 บ่งชี้ว่า เดือน ส.ค. 67 ค่าเฉลี่ยผลพยากรณ์ของสำนักอุตุนิยมวิทยา 13 สำนักทั่วโลกบ่งชี้ว่าปริมาณฝนอาจต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติในเดือน ส.ค. 67 ซึ่งผลพยากรณ์ต่างไปจากเดือนที่ผ่านมา ดังนั้น ต้องระวังฝนขาดช่วงในพื้นที่แถบสีส้มซึ่งได้แก่ ภาคเหนือฝั่งตะวันตก ตะวันตก ตะวันออก กลาง และอีสานตอนล่าง ขณะที่ภาคใต้คาดว่าจะมีปริมาณฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ และเดือน ก.ย. 67 ปริมาณฝนจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติทั่วประเทศ ซึ่งต้องระวังน้ำท่วมให้มากในเดือนนี้ในภูมิภาคต่างๆ (ยกเว้นภาคใต้) เนื่องจากเป็นเดือนที่มีปริมาณสูงที่สุดในรอบปี
ภาพที่ 4 บ่งชี้ว่า เดือน ก.ย. 67 ต.ค. 67 ปริมาณฝนจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยเกือบทั่วประเทศต่อเนื่องจากเดือน ก.ย. 67 ยกเว้นภาคเหนือตอนบนที่ปริมาณฝนจะมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยปกติ โดยภาคใต้ต้องระวังฝนที่จะมากและระวังน้ำท่วม เนื่องจากเป็นเดือนที่ภาคใต้จะมีปริมาณฝนมากในรอบปี และเดือน พ.ย. 67 ปริมาณฝนมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยปกติในเกือบทุกภูมิภาคยกเว้นภาคใต้ที่จะยังคงมีปริมาณฝนที่มากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ (พื้นที่สีเขียว) และยังคงต้องระวังน้ำท่วมเพราะยังเป็นเดือนที่ปริมาณฝนสูงในรอบปี โดยภาคใต้ตอนล่างต้องระวังปริมาณฝนมากกว่าภาคใต้ตอนบน
ภาพที่ 5 บ่งชี้ว่า เดือน ธ.ค. 67 ทุกภูมิภาคปริมาณฝนมีแนวโน้มเข้าสู่ค่าเฉลี่ยปกติ ยกเว้นภาคใต้ตอนล่าง (พื้นที่สีเขียวอ่อน) ที่อาจจะยังคงมีปริมาณฝนที่มากกว่าค่าเฉลี่ยปกติและยังคงต้องระวังน้ำท่วมต่อเนื่องจากเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่เดือน ม.ค. 68 รูปแบบฝนคล้ายกับเดือน ธ.ค. 67 ปริมาณฝนจะกลับสู่ภาวะปกติในทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคใต้ตอนล่างที่คาดว่าจะมีปริมาณฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติเล็กน้อย
ภาพที่ 6 IRI มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกาพยากรณ์ว่าตั้งแต่ ส.ค. 67 เป็นต้นไป ปริมาณฝนจะเริ่มสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติตั้งแต่ ก.ย. 67 และต้องเริ่มระวังฝนที่จะมากตั้งแต่ ก.ย.-พ.ย. 67 ในเกือบทุกภูมิภาค (ยกเว้นภาคใต้) และช่วง ต.ค.-ธ.ค. 67 ปริมาณฝนจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติทุกภูมิภาค ปริมาณฝนคาดว่าจะมามากกว่าเดิมที่เคยพยากรณ์ไว้ ภาคใต้ต้องระวังให้มาก รวมถึงภาคอีสาน (พื้นที่สีฟ้าและสีน้ำเงิน) ต้องระวังน้ำท่วมให้มากเช่นกัน
เตรียมกับมือกับฝนที่อาจจะขาดช่วงในเดือน ส.ค. 67 และปริมาณฝนที่จะมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติตั้งแต่ ก.ย.-ธ.ค. 67เตรียมทางระบายน้ำให้ดีเพื่อป้องกันน้ำท่วม ระวังขยะอุดตันทางระบายน้ำ ต้องเร่งขุดลอกคูคลองที่ตื้นเขินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ และต้องหาทางเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในฤดูแล้งปีหน้ากันด้วยอย่าปล่อยให้ไหลลงทะเลไปจนหมด ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่สูงต้องระวังดินถล่มกันด้วย
เกษตรกรผู้ปลูกข้าวต้องระวังข้าวล้มช่วงใกล้ฤดูเก็บเกี่ยว สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนต้องระวังผลทุเรียนเน่าเสียและลมแรง นอกจากนั้น การทำทวายนอกฤดูยากขึ้น สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราการกรีดยางอาจทำได้ยากขึ้น และต้องระวังหัวเน่าในมันสำปะหลัง ฝนที่มากอาจทำให้เลี้ยงสัตว์แฉะและสภาพแวดล้อมไม่สะอาดซึ่งเป็นสาเหตุของการแพร่กระจายโรคในสัตว์ สำหรับการทำประมง ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำจืดไหลลงทะเลส่งผลต่อความเค็มและสภาพแวดล้อมของแหล่งน้ำซึ่งอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ รักษาสุขภาพกันด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง