environment

ปรากฎการณ์ลานีญา หนุนตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรขยายตัว

    ปรากฎการณ์ลานีญา ดันอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร "วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา"เผยปี 2567 แนวโน้มตลาดขยายตัว 3-4 %

หลังจากในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้ผลผลิตภาคเกษตรกรรมลดลง และส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกรทำให้การจับจ่ายใช้สอยฝืดเคือง ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือนสูง สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ด้วยปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ส่งผลต่อหลายอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง รวมไปถึงกระทบกับตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร

 

อย่างไรก็ตามในปี 2567 -2569 วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ได้มีการวิเคราะห์และประเมินว่าตลาดอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวได้เฉลี่ย 3.0-4.0% ต่อปี เนื่องจากไทยเริ่มเข้าสู่สถานการณ์ลานีญา ส่งผลให้สภาพอากาศเอื้ออำนวย และปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้น ซึ่งเอื้อต่อการขยายพื้นที่เพาะปลูก 

 

ขณะเดียวกันการสนับสนุนจากภาครัฐในการทำเกษตรสมัยใหม่ท่ามกลางภาวะขาดแคลนแรงงานจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งกฎระเบียบมาตรฐานสินค้าที่ต้องยกระดับกระบวนการผลิตเป็นเกษตรกรรมแนวใหม่ ทำให้ความต้องการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
 

วิจัยกรุงศรี เผยแนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร

มูลค่าตลาดในประเทศของอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 158.5-171.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.0-4.0% ต่อปีในช่วงปี 2567-2569 เทียบกับที่หดตัว -6.0% ในปี 2566 โดยมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโต ดังนี้

ไทยเข้าสู่ภาวะลานีญา

  • ส่งผลให้สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก และมีปริมาณน้ำฝนมากขึ้น ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนในเขตชลประทาน จึงเอื้อต่อภาคเกษตร ทั้งภาคการผลิต (พืชและสัตว์) และภาคบริการการเกษตร ซึ่งจะหนุนให้ความต้องการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น

การขยายพื้นที่เพาะปลูกของพืชเศรษฐกิจ

  • โดยได้ปัจจัยสนับสนุนด้านราคาจากความต้องการของตลาดโลก ทั้งพืชเพื่อความมั่นคงทางอาหาร พืชพลังงาน และพืชอุตสาหกรรม โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจ อาทิ ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ปาล์มน้ำมัน ยางพารา  ที่คาดว่าพื้นที่เก็บเกี่ยวจะกลับมาขยายตัวหลังภาวะเอลนีโญคลี่คลายลง

ปัจจัยด้านโครงสร้าง

  • การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุการขาดแคลนแรงงานระหว่างภาคอุตสาหกรรม ต้นทุนค่าจ้างแรงงานและบริการการเกษตรที่สูงขึ้นเป็นลำดับตามการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ตลอดจนค่านิยมของคนนอกภาคเกษตรที่สนใจลงทุนหรือหันมาทำเกษตรมากขึ้นจะนำไปสู่ความต้องการใช้เครื่องจักรกลทดแทนแรงงานมากขึ้น

การสนับสนุนจากภาครัฐ

  • โครงการส่งเสริมการทำเกษตรแปลงใหญ่การทำเกษตรสมัยใหม่ (Smart Farming) โครงการ Young Smart Farmer การรณรงค์ลดการเผา (Zero Burn) ในขั้นตอนเก็บเกี่ยวเพื่อลดปัญหาฝุ่น/มลพิษทางอากาศ ตลอดจนโครงการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI โดยมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรสู่อุตสาหกรรม BCG Economy ตั้งแต่อุตสาหกรรมเกษตรต้นน้ำ การแปรรูป การเกษตรสมัยใหม่ และการสนับสนุนอุตสาหกรรมเกษตร ส่งผลให้เกิดการปรับรูปแบบการทำการเกษตร โดยนำเทคโนโลยีและเครื่องจักรสมัยใหม่มาใช้ในการเพิ่มผลผลิตและปรับปรุงคุณภาพผลผลิต ทำให้มีความต้องการเครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัย ขนาดใหญ่ และมีมูลค่าสูงขึ้น

กฎระเบียบมาตรฐานสินค้า กระบวนการผลิต และพฤติกรรมใหม่ในตลาดโลก

  • มีการควบคุมคุณภาพสินค้าเกษตรให้มีความเข้มงวดขึ้น โดยมีแนวโน้มที่ประเทศคู่ค้าจะนำกฎระเบียบใหม่นี้มาใช้ในการกีดกันการค้ามากขึ้น ทำให้ภาคเกษตรไทยจำเป็นต้องยกระดับการบริหารจัดการการผลิต อาทิ การใช้เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ การบันทึกข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ การใช้เครื่องจักรทดแทนจากผลกระทบของนโยบายกีดกันการใช้แรงงานสัตว์ รวมถึงการบริโภคที่เน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตลอดจนสินค้าออร์แกนิค ทำให้ต้องมีการนำเทคโนโลยีหรือเครื่องจักรกลการเกษตรสมัยใหม่มาใช้มากขึ้น

 

ทั้งนี้ปัจจัยหนุนดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลดีต่อผู้ผลิตและผู้นำเข้าเครื่องจักรกลการเกษตรตามการใช้จ่ายซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรใหม่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ผู้รับจ้างภาคเกษตรมีการลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มเพื่อรองรับความต้องการใช้บริการที่จะขยายตัวโดยเฉพาะเครื่องจักรกลการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อรองรับการบริหารจัดการในภาคเกษตรที่เน้นประสิทธิภาพการผลิต และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น 

 

อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของมูลค่าตลาดอาจยังไม่สูงนักในปี 2567 จากภาวะกำลังซื้อในภาคเกษตรที่ยังรอการฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงอยู่ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเผชิญ อาทิ การแข่งขันด้านราคาจากเครื่องจักรกลการเกษตรต่างประเทศที่มีราคาถูกกว่าโดยเฉพาะการนำเครื่องยนต์มาดัดแปลง ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่ส่งผลต่อผู้ประกอบการที่นำเข้าและส่งออก ต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะราคาน้ำมัน เหล็ก และพลาสติกในตลาดโลกที่ยังมีแนวโน้มทรงตัวสูง

 

สำหรับตลาดต่างประเทศคาดว่าไทยจะยังคงขาดดุลการค้าเครื่องจักรกลการเกษตร จากการนำเข้าเฉลี่ยที่มูลค่า 44.5-47.0 พันล้านบาทต่อปี เติบโตเฉลี่ย 2.0-3.0% ต่อปี จากความต้องการใช้รองรับผลผลิตเกษตรที่คาดว่าจะขยายตัวตามภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยมากขึ้น การขยายตัวของภาคบริการการเกษตร รวมทั้งการลงทุนในภาคเกษตรสมัยใหม่จากสหกรณ์ สมาคม และหน่วยงานรัฐ 

 

ด้านการส่งออก

  • คาดว่าไทยยังมีโอกาสขยายตลาดส่งออกเครื่องจักรกลการเกษตรได้ราว 38.0-42.0 พันล้านบาทต่อปี คิดเป็นการขยายตัวเฉลี่ย 3.5-4.5% ต่อปี อานิสงส์จากกระแสการลงทุนในธุรกิจเกษตรของต่างชาติในภูมิภาคอาเซียน (อาทิ การลงทุนขยายพื้นที่เกษตรเชิงพาณิชย์ และอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป) โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV ประกอบกับภูมิภาคอาเซียนยังเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรอันดับต้นๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็น ข้าว มันสำปะหลัง อ้อยและน้ำตาล ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ตลอดจนผลไม้เมืองร้อน ทำให้มีความต้องการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรต่อเนื่อง โดยเฉพาะเครื่องเก็บเกี่ยวพืชไร่และแทรกเตอร์การเกษตรซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญและสามารถผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรที่เหมาะสมกับลักษณะพื้นที่เกษตรในภูมิภาค

แนวทางการปรับตัวของอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรในระยะถัดไป

มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเครื่องจักรกลการเกษตรมากขึ้น

  • เพื่อผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด และสอดคล้องกับการใช้งานที่เหมาะสมในแต่ละสภาพพื้นที่ปลูกของพืช พร้อมกับการยกระดับไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ผ่านการติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ ระบบเทคโนโลยีแม่นยำ (Precision Technology) ระบบ GPS ระบบ Telematic ระบบ Sensor ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) ซึ่งช่วยให้รถแทรกเตอร์สามารถทำงานต่างๆ ได้ด้วยตนเอง และตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ในขณะที่เทคโนโลยีด้านกลไกก็ถูกนำมาใช้มากขึ้น อาทิ โดรน หุ่นยนต์ เพื่อลดต้นทุนการบริหารจัดการ ลดเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต อย่างไรก็ตาม อัตราการถือครองพื้นที่เกษตรของไทยส่วนใหญ่มีขนาดเล็กและถือครองโดยเกษตรกรรายย่อย ตลาดในภูมิภาคโดยทั่วไปจึงยังเน้นเครื่องจักรกลการเกษตรที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ทั้งด้านราคา แหล่งซื้อหา ความง่ายในการซ่อมแซม รวมทั้งความคุ้มค่าด้านการประหยัดต่อขนาด ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดในการเข้าถึงตลาดรายย่อยของเครื่องจักรกลสมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีสูง เนื่องจากมีต้นทุนสูงและการบำรุงดูแลรักษาที่ยาก

 

กระแสรักษ์โลกและการตื่นตัวเรื่อง ESG (Environmental, Social, Governance) ผลักดันการผลิตรถแทรกเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า

  • เนื่องจากช่วยลดการผลิตก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศ ประกอบกับต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลงเนื่องจากไฟฟ้ามีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซล โดย  International Energy Agency (IEA) ประเมินว่า ยอดจำนวนรถแทรกเตอร์ไฟฟ้าทั้งโลกจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 1 ล้านคันในปี 2573 โดยมีแรงหนุนจากภาครัฐของแต่ละประเทศ การพัฒนาแบตเตอรี่ และกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม


บทสรุปวิจัยกรุงศรีเกี่ยวกับตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร

อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรในระยะ 1-3 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มเติบโต ตามการขยายพื้นที่เพาะปลูกจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย กำลังซื้อที่จะทยอยฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ และกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศคู่ค้าสำคัญโดยเฉพาะยุโรปที่เอื้อต่อความต้องการใช้เครื่องจักรสมัยใหม่ จะหนุนให้มูลค่าตลาดทั้งในและต่างประเทศขยายตัว ส่งผลดีต่อทั้งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายในห่วงโซ่ธุรกิจ

ผู้ผลิตแทรกเตอร์ที่ใช้ในงานเกษตร

  • คาดว่ารายรับจะขยายตัวต่อเนื่อง ตามทิศทางความต้องการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรสมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น อีกทั้งยังมีโอกาสขยายการส่งออกได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแทรกเตอร์ขนาดเล็ก-กลางซึ่งไทยเป็นฐานการผลิตหลักในภูมิภาคอาเซียน

ผู้ผลิตเครื่องจักรอื่นๆ ที่ใช้ในงานเกษตร

  • คาดว่าความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นตามทิศทางการขยายตัวของผลผลิตเกษตรและพื้นที่เพาะปลูก อย่างไรก็ตาม การแข่งขันมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นจากการขยายตลาดของผู้นำเข้าและผู้ผลิตแทรกเตอร์รายใหญ่ที่มีการผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรหลากหลายประเภท อาทิ รถไถเดินตาม เครื่องเตรียมดิน รถเกี่ยวนวดข้าว เป็นต้น จึงอาจกดดันผลประกอบการของผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น SME

ผู้จำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตร (รวมผู้นำเข้า)

  • คาดว่าผลประกอบการของธุรกิจมีแนวโน้มขยายตัวได้ตามทิศทางตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของดีลเลอร์แต่ละแบรนด์อาจแตกต่างกัน โดยผลประกอบการของดีลเลอร์ที่จำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตรแบรนด์หลักและแบรนด์นำเข้าซึ่งเป็นที่นิยมของตลาดและมีการผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรเทคโนโลยีสูง จะมีโอกาสเติบโตได้ในอัตราสูงกว่าภาพรวมของตลาด
     

 

ที่มาข้อมูล