environment

ถอดโมเดล 'ดูไบ-เนเธอร์แลนด์' ถมทะเล พิมพ์เขียวไทยผุด 9 เกาะปากอ่าวไทย

    ถอดโมเดลโครงการ "ถมทะเล" จาก "ดูไบ-เนเธอร์แลนด์" ถึงตาประเทศไทย ผุดแนวคิดใหม่ สร้าง 9 เกาะปากอ่าวไทย กันน้ำท่วม

โครงการ "ถมทะเล" เป็นหนึ่งในวิธีการขยายพื้นที่ภูมิประเทศที่ได้รับความนิยมจากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งเพื่อขยายเมือง เพิ่มพื้นที่ที่อยู่อาศัย รองรับการพัฒนาเศรษฐกิจ และรับมือกับปัญหาน้ำท่วมซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้โครงการดังกล่าวจะสร้างโอกาสใหม่ให้กับการพัฒนาเมือง แต่ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมก็ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม

ล่าสุดประเทศไทยริเริ่มแนวคิดโครงการถมทะเลบางขุนเทียน เพื่อสร้างเมืองใหม่และแก้ปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากปัญหาภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายจนระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่มีการประเมินและพูดคุยกันในองค์การสหประชาชาติมาหลายปี โดยคาดการณ์ว่าในกรณีที่ภาวะโลกร้อนถึงจุดสูงสุด ระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยอาจเพิ่มขึ้นถึง 5-6 เมตร ทำให้พื้นที่ในภาคกลางจำนวนมากจะถูกน้ำท่วม 

นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่า กรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียงจะได้รับผลกระทบอย่างหนักหากไม่มีการเตรียมการรับมือ โดยแนวคิดการสร้างเกาะครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดสมุทรสงครามไปถึงจังหวัดชลบุรี ได้ถูกวางแผนเป็น “สร้อยไข่มุกอ่าวไทย” ซึ่งเป็นการสร้างเกาะเชื่อมต่อกันเหมือนไข่มุกร้อยเป็นเส้นทาง รวมถึงการก่อสร้างประตูน้ำเพื่อควบคุมระดับน้ำทะเล โครงการลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลก หลายประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ ได้ใช้แนวคิดถมทะเลมาอย่างยาวนานเพื่อต่อสู้กับปัญหาน้ำท่วม

การถมทะเล

วิธีการถมทะเลมีตั้งแต่การใช้เขื่อนและเสาเข็มเพื่อตอกลงในน้ำ และระบายน้ำออกก่อนถมดินเพิ่มเติม เช่นในเนเธอร์แลนด์ ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงทั้งการระบายน้ำและเขื่อนยืดหยุ่นเพื่อสร้างพื้นที่ใช้งานขนาดใหญ่ วิธีนี้ยังถูกนำไปใช้ในโครงการถมทะเลขนาดใหญ่เช่นในดูไบ ฮ่องกง และเพิร์ธ ออสเตรเลีย 

แม้การถมทะเลอาจไม่ยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากต้องการการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องและสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากมาย นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่การถมทะเลและการสร้างเกาะเทียมเป็นแนวทางที่หลายประเทศใช้เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและการขาดแคลนพื้นที่ที่สามารถพัฒนาได้ โดยประเทศตัวอย่างที่เคยดำเนินการโครงการถมทะเลขนาดใหญ่ ได้แก่ ดูไบ และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งทั้งสองประเทศประสบความสำเร็จในการใช้วิธีการนี้อย่างเป็นรูปธรรม 

 

เนเธอร์แลนด์

หนึ่งในประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านการถมทะเลคือ "เนเธอร์แลนด์" ประเทศที่ต่อสู้กับน้ำทะเลมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ และต้องรับมือกับความท้าทายในการอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากถึง 26% ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งเป็นปัญหาที่ผลักดันให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการน้ำที่ล้ำสมัยเพื่อสร้างพื้นที่ใหม่และป้องกันภัยจากน้ำท่วมในประเทศ

 

โครงการถมทะเลในเนเธอร์แลนด์ที่มีชื่อเสียง เช่น Zuiderzee Works และ Delta Works ถือเป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการสร้างพื้นที่ใหม่จากทะเลเพื่อการเกษตรและการพัฒนาเมือง โดย "Zuiderzee Works" เป็นโครงการยักษ์ใหญ่ที่เปลี่ยนทะเลตื้นทางใต้ที่ชื่อ Zuiderzee ให้กลายเป็นทะเลสาบน้ำจืด โดยใช้การถมทะเลเพื่อสร้างพื้นที่เกษตรกรรมและพัฒนาเมืองใหม่ โครงการนี้ช่วยป้องกันการไหลเข้าของน้ำทะเลที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ต่ำ

 

"Delta Works" เป็นโครงการระบบป้องกันน้ำท่วมที่ประกอบด้วยเขื่อนและโครงสร้างควบคุมกระแสน้ำ เพื่อป้องกันการท่วมจากน้ำทะเลที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน โครงการนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมของโลก และเป็นที่พึ่งสำคัญในการต่อสู้กับปัญหาน้ำท่วมในเนเธอร์แลนด์

โครงการ Delta Works

ดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)

"ดูไบ" เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ใช้การถมทะเลเพื่อขยายเมืองและสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่น โครงการอย่าง The Palm Jumeirah และ The World Islands เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้พื้นที่จากการถมทะเลเพื่อขยายเมืองเนื่องจากมีพื้นที่ทะเลทรายมาก มีทรัพยากรจำกัด และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติและรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจ

 

"The Palm Jumeirah" เป็นเกาะเทียมรูปต้นปาล์มที่เป็นที่ตั้งของที่อยู่อาศัยและโรงแรมหรู โดยใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างล้ำสมัยเพื่อควบคุมกระแสน้ำและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาจากคลื่นทะเล นับเป็นตัวอย่างของการใช้วิศวกรรมที่ซับซ้อนในการสร้างพื้นที่ใหม่จากทะเล

 

ในขณะที่ "The World Islands" เป็นกลุ่มเกาะเทียมที่เกิดจากการถมทะเลสร้างขึ้นเพื่อจำลองแผนที่โลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมระดับหรู แม้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของดูไบในการขยายพื้นที่โดยการถมทะเล

The Palm Jumeirah

แม้โครงการถมทะเลในหลายประเทศจะสร้างความสำเร็จในการขยายพื้นที่เมืองและรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่โครงการเหล่านี้ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม การถมทะเลมีผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพอย่างชัดเจน เนื่องจากการทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลและระบบนิเวศในบริเวณที่ถมทะเล

 

ในหลายกรณี การถมทะเลทำให้แหล่งปะการังและแหล่งอนุบาลสัตว์ทะเลถูกทำลาย เช่นในโครงการถมทะเลบางแห่งของดูไบ ที่พบว่าแนวปะการังได้รับผลกระทบจากการพัฒนาโครงการนี้ นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังเป็นภัยคุกคามที่ต้องได้รับการแก้ไขในระยะยาว

 

สำหรับเนเธอร์แลนด์ แม้ว่าประเทศจะประสบความสำเร็จในการจัดการปัญหาน้ำท่วม แต่ปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้น้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นกลับเป็นภัยคุกคามใหม่ที่ระบบเขื่อนเดิมอาจไม่เพียงพอต่อการรับมือในอนาคต ทำให้เนเธอร์แลนด์ต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในการจัดการน้ำอย่างต่อเนื่อง

 

โครงการถมทะเลยังมีความท้าทายด้านการบำรุงรักษา เนื่องจากพื้นที่ที่ได้จากการถมทะเลต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมกระแสน้ำ ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง หรือปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของพื้นที่ที่ถูกถม

 

โครงการถมทะเลในไทยและต่างประเทศ ไทย โครงการถมทะเลบางขุนเทียน • สร้างเมืองใหม่และแก้ปัญหาน้ำท่วม • คาดการณ์น้ำทะเลเพิ่ม 5-6 เมตร • แนวคิด "สร้อยไข่มุกอ่าวไทย" • 9 เกาะเชื่อมต่อ สมุทรสงคราม-ชลบุรี เนเธอร์แลนด์ • Zuiderzee Works • Delta Works • ป้องกันน้ำท่วม ดูไบ • The Palm Jumeirah • The World Islands • ขยายพื้นที่เมือง ข้อดีและความท้าทาย ข้อดี: • ขยายพื้นที่เมือง • เพิ่มที่อยู่อาศัย • พัฒนาเศรษฐกิจ • แก้ปัญหาน้ำท่วม ความท้าทาย: • ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม • กระทบความหลากหลายทางชีวภาพ • ต้องการการบำรุงรักษาสูง • ความยั่งยืนในระยะยาว © 2024 สร้างโดย AI Assistant

 

ความยั่งยืนในระยะยาวของการถมทะเลจึงยังคงเป็นข้อกังขา เนื่องจากโครงการเหล่านี้ต้องการงบประมาณในการดูแลและบำรุงรักษาอย่างมหาศาล เช่นในโครงการถมทะเลที่ดูไบที่ต้องใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อรักษาสภาพเกาะเทียมให้อยู่ในสภาพดีและปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ

 

 

 

การสร้างเมืองบนพื้นที่ถมทะเลอาจดูเป็นทางออกที่ดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและภัยจากสภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดคำถามว่าการถมทะเลเป็นทางออกที่ยั่งยืนจริงหรือไม่ ในขณะที่หลายประเทศยังคงเลือกใช้วิธีการถมทะเลในการขยายพื้นที่เมืองเพื่อตอบสนองความต้องการในการพัฒนาเศรษฐกิจและที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าสิ่งสำคัญคือการหาสมดุลระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยต้องคำนึงถึงผลกระทบในระยะยาวที่การถมทะเลอาจสร้างขึ้น

 

 

 

อ้างอิง: