กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์ข้อความว่า หมดยุคโลกร้อน Global Warming สิ้นสุดลงแล้ว เข้าสู่ยุคโลกเดือด Global Boiling
Global Boiling โลกเดือด ถ้าจะเปรียบง่ายๆ ก็เสมือนเตาต้มน้ำที่เดือดพล่าน อุณหภูมิโลกที่ร้อนจัดมากขึ้น ส่งผลต่อระบบนิเวศ สภาพแวดล้อม และมนุษยชาติอย่างรุนแรงเป็นวงกว้าง
ทำไมถึงเข้ายุคของ Global Boiling
มีสาเหตุหลัก ๆ มาจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อุณหภูมิโลกเดือนกรกฎาคม 2566 ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ 16.9 องศา ร้อนกว่าก่อนยุคอุตสาหกรรม 1.5 องศา
เกิดอะไรขึ้นกับ ”ยุคโลกเดือด” ที่เรากำลังเผชิญ
จากรายงาน State of the Global Climate 2022 ได้ยกตัวอย่างไว้ เช่น
•ภัยแล้งทั่วแอฟริกาตะวันออก ปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนติดต่อกัน 5 ปี ยาวนานที่สุดในรอบ 40 ปี
•น้ำท่วมใหญ่ในปากีสถาน มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,700 ราย มีผู้ได้รับผลกระทบ 33 ล้านคน อีก 8 ล้านคนต้องพลัดถิ่นไร้บ้าน
•สเปน เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส โปรตุเกส ต้องเผชิญคลื่นความร้อนรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15,000 ราย
•ประชากรโลก 2.3 พันล้านคน เผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหาร เป็นผลจากความแห้งแล้ง ในช่วง 2 ปี นับตั้งแต่ปี 2021
•ช่วงปี 2005-2019 สูญเสียน้ำแข็งบนพื้นดินทั้งหมด จากธารน้ำแข็ง กรีนแลนด์ และแอนตาร์กติกา ทำให้ระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกเพิ่มขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ ยังมีข้อมุลว่าเมื่อปี 2564 โดมความร้อนได้คร่าชีวิตผู้สูงวัยภายในมลรัฐบริติชโคลัมเบียไปแล้วอย่างน้อย 600 คน
นี่เป็นแค่ตัวอย่างของการเข้าสู่ภาวะโลกเดือด ซึ่งโดยรวมแล้วผลกระทบร้ายแรงของ Global Boiling ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วมฉับพลันเพิ่มและรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงขั้นเสียชีวิต
ดังนั้น ไม่ใช่แค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือคนใดหนึ่ง แต่ ทุกคนต้องร่วมมือกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ให้เกินขีดจำกัดของโลก ซึ่งหากเรายังคงเมินเฉย อนาคตเราทุกคนบนโลกจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่ไม่อาจรับมือได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง