นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า ก๊าซธรรมชาติถือเป็นตัวเชื่อมสำคัญในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานเชื้อเพลิงดั้งเดิมไปสู่การใช้พลังงานสะอาดในอนาคต ด้วยวิสัยทัศน์และประสบการณ์ในธุรกิจพลังงานที่หลากหลายใน 9 ประเทศ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ถือเป็นบริษัทไทยรายแรกที่เข้าไปลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 และเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน บริษัทสามารถต่อยอดไปยังธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง รวมถึงโครงการการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CCUS (Carbon Capture, Utilization and Sequestration) เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ที่มั่นคงและตอบโจทย์การเติบโตอย่างยั่งยืนโดยสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากธุรกิจพลังงาน และนับเป็นบริษัทไทยรายแรกที่ริเริ่มโครงการ CCUS ในประเทศยุทธศาสตร์อย่างสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จตั้งแต่ปี ค.ศ. 2023
เทคโนโลยี CCUS (Carbon Capture, Utilization and Sequestration) หรือการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นกระแสที่คนในแวดวงพลังงานพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งเป็นก๊าซชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในการผลิตก๊าซธรรมชาติ
พูดง่ายๆ คือ ในกระบวนการผลิตก๊าซธรรมชาติจะทำให้ได้ก๊าซหลากหลายชนิดด้วยกัน การนำเทคโนโลยี CCUS มาใช้จึงเริ่มจากการแยก CO2 ออกจากก๊าซชนิดอื่นๆ ในหน่วยการผลิตก๊าซธรรมชาติ จากนั้นจึงนำ CO2 ที่คัดแยกได้มากักเก็บไว้ในชั้นหินใต้ดินแบบถาวร
ทั้งนี้ โครงการ CCUS ในสหรัฐฯ ของบริษัท ปัจจุบันมีจำนวน 2 โครงการในสหรัฐฯ ประกอบด้วยโครงการ “Barnett Zero (บาร์เนตต์ ซีโร่)” มีอัตราการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยสูงสุด 210,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เปรียบเทียบแล้วเท่ากับโครงการ CCUS นี้ สามารถดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มาจากการใช้รถยนต์ได้ถึง 40,000 คัน ต่อวัน
โครงการที่สอง “Cotton Cove (คอตตอน โคฟ)” มีอัตราการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยสูงสุดที่ 45,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี โดยโครงการนี้จะช่วยแยก กำจัด และกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นผลพลอยได้ (byproduct) จากการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ อีกทั้งยังมีโอกาสนำไปต่อยอดเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นธุรกิจกลางน้ำของกลุ่มบ้านปูอีกด้วย
ด้วยศักยภาพของโครงการที่มีในปัจจุบันและโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนา เช่น โครงการ High West (ไฮเวสต์) ธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบริษัทมีแผนจะบรรลุเป้าหมายกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ประมาณ 30 ล้านเมตริกตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีภายในทศวรรษ 2030
ด้วยความใส่ใจในบทบาทการจัดการกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง ธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบ้านปูจึงตั้งเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) สำหรับ Scope 1 และ 2 ภายในปี ค.ศ. 2030 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) สำหรับการปล่อยมลสารจากธุรกิจต้นน้ำ Scope 3 ภายในทศวรรษ 2030 ซึ่งโครงการ CCUS จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้บ้านปูบรรลุเป้าหมายนี้ พร้อมด้วยศักยภาพที่จะสามารถสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจของบริษัทในมิติต่างๆ ดังนี้
“บ้านปูให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างการสร้างรายได้ที่มั่นคงและการส่งมอบพลังงานที่มีความรับผิดชอบต่อโลก นี่คือหมุดหมายหลักในการนำธุรกิจของบ้านปูเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน (Sustainable Energy Transition) ของเรา และในฐานะผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติชั้นนำ 20 อันดับแรกในสหรัฐฯ และผู้พัฒนาโครงการ CCUS เชิงพาณิชย์ถาวรโครงการแรกๆ ในสหรัฐฯ โครงการ CCUS ของเราจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจและสร้างกระแสเงินสดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมมีส่วนสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในกลุ่มบ้านปูได้อย่างต่อเนื่อง”นายสินนท์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง