new-energy

AGE ปรับโมเดลธุรกิจ ลดยอดขายถ่านหิน 50% ลุยปั้นรายได้ EV-พลังงานหมุนเวียน

    AGE ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ รับมือโลกร้อน ซื้อหุ้น ABM ผนึกเป็น flagship ลุยธุรกิจพลังงานยั่งยืน ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า จำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลและ RDF ทดแทนรายได้ หลังตั้งธงปี 2573 จะลดรายได้จากธุรกิจถ่านหินลง 50%

บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า ถือเป็นอีกบริษัทหนึ่งที่กำลังถูกกระแสการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือภาวะโลกร้อน ที่จะต้องปรับตัวเข้าสู่หมวดกรีน จากการดำเนินธุรกิจจำหน่ายถ่านหินเป็นรายได้หลักราว 95 %

ล่าสุด AGE ได้ออกมาประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ หลังจากเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน บริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) หรือ ABM ผู้จัดหาและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวล จำนวน 292,107,010 หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 379,739,113 ล้านบาท ด้วยการแลกหุ้น (Share Swap) ของหุ้นสามัญในบริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (QTC) จำนวน 81,860,400 หุ้น หรือคิดเป็น 24 % ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด และหุ้นสามัญในบริษัท กรีน อาร์ดีเอฟ จำกัด (GRDF) จำนวน 335,497 หุ้น หรือคิดเป็น 100 % ของทุนจดทะเบียน แทนการชำระด้วยเงินสด

การปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนไปยังกลุ่มธุรกิจพลังงานยั่งยืนที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงในอนาคต จากการลดขนาดของธุรกิจถ่านหินลง ซึ่งทั่วโลกรวมถึงไทยมีแนวโน้มลดการใช้ถ่านหิน จากนโยบายการขับเคลื่อนไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neureality) ในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมบางส่วนต้องเลิกใช้ถ่านหิน

AGE ปรับโมเดลธุรกิจ ลดยอดขายถ่านหิน 50% ลุยปั้นรายได้ EV-พลังงานหมุนเวียน

ดังนั้น ภายใต้การปรับโครงสร้างใหม่ ABM จะเป็น flagship ทางด้านพลังงานยั่งยืน(Sustainable Energy) และธุรกิจเชื้อเพลิงทดแทนถ่านหิน ในกลุ่มพลังงานความร้อน เช่น เชื้อเพลิงชีวมวล เชื้อเพลิงขยะ (RDF) ของกลุ่มบริษัท รวมทั้งจะมีธุรกิจอื่น เช่น ธุรกิจผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้า การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ยานยนต์ไฟฟ้า(EV) เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเข้ามาช่วยชดเชยรายได้ของกลุ่มธุรกิจถ่านหิน ที่ปรับลดลงในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายว่าในปี 2573 บริษัทฯ จะมีสัดส่วน EBITDA มาจากธุรกิจยั่งยืนในสัดส่วน 50% และธุรกิจถ่านหิน 50%

นางสาวปณิตา ควรสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า แผนการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ AGE จะเป็นผู้ถือหุ้นใน ABM เป็น 51-70 % ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจพลังงานยั่งยืน โดย ABM เป็นผู้นำในธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวล และ AGE มุ่งหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันภาคอุตสาหกรรมให้ไปสู่การใช้พลังงานสะอาด

ปัจจุบัน AGE มีการดำเนินงาน 4 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจถ่านหิน, ธุรกิจโลจิสติกส์, ธุรกิจพลังงานยั่งยืน และธุรกิจ Diversified Investments สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทมาจากธุรกิจถ่านหินที่ 95% แต่หลังจากการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน ABM แล้ว สัดส่วนรายได้จากถ่านหินของบริษัทฯ จะลดลงจากการรับรู้รายได้ของ ABM ในฐานะบริษัทย่อย

โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ของธุรกิจโลจิสติกส์ จากกลุ่มลูกค้าภายนอกทั้งจากกลุ่มสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมเป็น 50% จากปัจจุบันที่ 35% และสัดส่วนรายได้จากถ่านหินจะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 75% และจะปรับสัดส่วนลงอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2573 เหลือที่ประมาณ 50%

ขณะที่ธุรกิจพลังงานยั่งยืน (Sustainable Energy) บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายเชื้อเพลิง RDF ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงจากขยะ ภายใต้บริษัทย่อย GRDF อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 ตั้งยอดจำหน่ายไว้ที่ 5 หมื่นตัน จากปี 2566 อยู่ที่ 1.4 หมื่นตัน

ธุรกิจ Human Solutions (Diversified Investments) ภายใต้บริษัทย่อย “เอจีอี เวนเจอร์ หรือ AGEVT” ซึ่งได้จัดตั้งบริษัท เอจีอี อีวี พลัส จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการปล่อยเช่ารถ EV ให้กลุ่มลูกค้าที่สนใจ โดยจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 4 ของปี 2567 มีเป้าหมายที่ 30 คัน และในปี 2568 เพิ่มเป็น 100 คัน และปี 2569 จำนวน 300 คัน

บริษัท เอจีอี ออโต้ แกลลอรี่ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจดีลเลอร์ขายรถไฟฟ้า EV ในปัจจุบัน กำลังก่อสร้างโชว์รูม สองแห่ง คือ OMODA & JAECOO สาขา รามคำแหง และ Neta สาขาพระราม 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จ ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 และไตรมาส 2 ปี 2568 ตามลำดับ จากปัจจุบันที่มีแล้ว 1 โชว์รูม ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้จากการขายรถในไตรมาส 4 ปี 2567 และมีเป้าหมายก่อสร้างเพิ่มอีก 5 แห่งในปี 2568 และปี 2569 จำนวน 10 แห่ง

รวมถึงการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน จากการเข้าไปร่วมถือหุ้นกับบริษัท QTC ที่ถือหุ้น 24 % และบริษัท แอท เอนเนอจี โซลูชั่น จำกัด ถือหุ้นอยู่ 49.99 % ในการผลิตไฟฟ้าจากพลังานแสงอาทิตย์ รวมกำลังผลิตตามสัดส่วนที่ 4.6 เมกะวัตต์ และเป็นโซลาร์รูฟท็อป 0.8 เมกะวัตต์

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2567 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10 % จากปี 2566 โดยปริมาณการขายถ่านหินที่ 4.5 ล้านตัน จากปี 2566 ขายได้ที่ 3.7 ล้านตัน