sustainability

“เป๊ปซี่โค-GIZ” ยกระดับการรับมือสภาพภูมิอากาศ ดันเกษตรกรปลูกพืชยั่งยืน

    “เป๊ปซี่โค-GIZ” ประกาศความสำเร็จโครงการจัดการห่วงโซ่อุปทานข้าวและมันฝรั่ง รับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ร่วมกับกลุ่มเกษตรกรสร้างผลผลิตอย่างยั่งยืน สู่ตลาดในระยะยาว

องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) พร้อมด้วยบริษัท เป๊ปซี่โค เซอร์วิสเซส เอเชีย จำกัด และบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและชุมชนท้องถิ่น ประกาศความสำเร็จในการดำเนินโครงการการจัดการห่วงโซ่อุปทานข้าวและมันฝรั่ง เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ 

ด้วยวิธีการปลูกข้าว มันฝรั่ง และข้าวโพดหมุนเวียนอย่างยั่งยืน (RePSC) นำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างศักยภาพให้แก่เกษตรกรหลายพันราย โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรสตรีในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย

 

“เป๊ปซี่โค-GIZ” ยกระดับการรับมือสภาพภูมิอากาศ ดันเกษตรกรปลูกพืชยั่งยืน

 

ข้อมูลจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (IPCC) พบว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางอาหารของโลก ภาวะโลกร้อน 1.5 องศาเซลเซียสอาจลดผลผลิตจากพืชได้ถึง 30% ในบางภูมิภาค และทำให้ประชากรอีก 250 ล้านคนตกอยู่ในความไม่มั่นคงทางอาหารภายในปี พ.ศ. 2593

"เป๊ปซี่โค" หนึ่งในบริษัทอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลก จึงได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรมากกว่า 4 หมื่นราย กว่า 60 ประเทศ เพื่อตระหนักถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อระบบอาหาร โดยมุ่งมั่นในการบรรเทาผลกระทบดังกล่าว รวมถึงให้ความรู้เกษตรกรให้สามารถเพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายในการส่งเสริมการปฏิรูปที่ดิน 7 ล้านเอเคอร์ (ประมาณ 18 ล้านไร่) ทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2573 โดยการส่งเสริมการพัฒนาการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ สนับสนุนเกษตรกรรายย่อย แบ่งปันความรู้ความเชี่ยวชาญให้แก่เกษตรกรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  

 

“เป๊ปซี่โค-GIZ” ยกระดับการรับมือสภาพภูมิอากาศ ดันเกษตรกรปลูกพืชยั่งยืน

 

นายสุดิปโต โมซุมดา กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจอาหารอินโดจีน บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด (เป๊ปซี่โค ประเทศไทย) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังคุกคามวิถีชีวิตของเกษตรกรชาวไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ และส่งผลกระทบต่อผลผลิตหลายชนิด ทั้งข้าว ถั่วลันเตา ข้าวโพด และมันฝรั่ง โดยพื้นที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกอาจลดลงมากถึงร้อยละ 40 

ยิ่งไปกว่านั้น เกษตรกรยังต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมรุนแรง ดินและโคลนถล่ม ซึ่งสร้างความเสียหายต่อพื้นที่เกษตร การดำรงชีพ และชุมชน จากผลการศึกษาพบว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยอาจส่งผลให้ผลผลิตมันฝรั่งลดลง และเกษตรกรต้องเผชิญกับการระบาดของโรค ศัตรูพืช และต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้น ดังนั้น เราจึงต้องเร่งช่วยให้เกษตรกรพร้อมปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง มิเช่นนั้นอนาคตของเกษตรกรรายย่อยจะตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างเลี่ยงไม่ได้

สำหรับโครงการ RePSC ดำเนินงานโดยองค์กร GIZ ประเทศไทย บริษัท เป๊ปซี่โค เซอร์วิสเซส เอเชีย จำกัด และบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ภายใต้การสนับสนุนจากโครงการ DeveloPPP พร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมการข้าว โดยใช้แนวคิดที่ยึดเกษตรกรเป็นศูนย์กลาง เพื่อสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและพัฒนาแนวทางแก้ไขปัญหาตลอดทั้งปี เร่งการปรับตัวและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ควบคู่ไปกับการเพิ่มช่องทางการตลาดและพัฒนาศักยภาพการปรับตัวของชุมชน

 

“เป๊ปซี่โค-GIZ” ยกระดับการรับมือสภาพภูมิอากาศ ดันเกษตรกรปลูกพืชยั่งยืน

 

ตลอดปี พ.ศ. 2565-2567 โครงการได้จัดกิจกรรมฝึกอบรม 4 ด้าน ในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ได้แก่ การปลูกพืชผลทางการเกษตร การทำเกษตรแบบครอบคลุม การพัฒนาชุมชนเป็นศูนย์กลางการเกษตร และการเกษตรแบบฟื้นฟูเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ที่ปรึกษาด้านการเกษตร ผู้รับซื้อผลผลิตหมุนเวียน ตลอดจนชุมชนท้องถิ่น

ดร.นานา คึนเคล ผู้ประสานงานกลุ่มเกษตรและอาหาร GIZ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า โครงการนี้ได้สร้างพื้นที่สำหรับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมศักยภาพทางการเกษตรให้กับเกษตรกร เพื่อสร้างทักษะและความสามารถในการนำเครื่องมือดิจิทัลและทรัพยากรต่างๆ มาใช้จัดการพื้นที่ทางการเกษตร พัฒนามาตรฐานทางการผลิตและศักยภาพในการแข่งขันให้กับภาคเกษตรของประเทศไทย

 

“เป๊ปซี่โค-GIZ” ยกระดับการรับมือสภาพภูมิอากาศ ดันเกษตรกรปลูกพืชยั่งยืน

โดยผลของการดำเนินโครงการ RePSC แสดงให้เห็นกว่า เกษตรกรสมาชิกมากกว่า 2,000 รายมีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นจากการนำทักษะที่ได้เรียนรู้จากการอบรมการเกษตรเชิงฟื้นฟูและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยกตัวอย่างเช่น การปลูกพืชผลทางการเกษตรแบบหมุนเวียน การจัดการดินด้วยระบบจีพีเอส (GPS) การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน การจัดการดิน น้ำ ฟางและไม่เผาตอซัง ในพื้นที่เกษตรมากกว่า 1.3 หมื่นไร่

เกษตรกรกลุ่มนี้มีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเกษตรได้ถึง 20% เนื่องจาก 1 ใน 4 ของเกษตรกรสมาชิกโครงการเป็นสตรี โครงการตระหนักถึงความสำคัญของของบทบาทสตรีในภาคเกษตรไทย จึงได้ดำเนินการอบรมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพเกษตรกรสตรีในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

 

“เป๊ปซี่โค-GIZ” ยกระดับการรับมือสภาพภูมิอากาศ ดันเกษตรกรปลูกพืชยั่งยืน

 

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ประเทศไทยมีนโยบายสร้างระบบที่เข้มแข็งในด้านความมั่นคงทางอาหาร เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และใช้พื้นที่ส่วนร่วมของทุกเพศเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของภาคเกษตร การทำงานร่วมกับ GIZ ผ่านโครงการเพื่อการพัฒนาต่างๆ โดยมุ่งเน้นการยกระดับเกษตรกรรมฟื้นฟูและเกษตรอัจฉริยะ ส่งเสริมกรอบแนวคิดและศักยภาพให้เกษตรกรสามารถแก้ไขปัญหาเดิมได้ และเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ที่จะเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรสตรีในโครงการ RePSC จังหวัดเชียงราย ได้แบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับความสำเร็จของชุมชนในการยกระดับการจัดการพื้นที่เกษตร สำหรับเกษตรกรรายย่อย ว่าการจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องสภาพอากาศและความต้องการของตลาดต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่การอบรมอย่างต่อเนื่อง ได้เรียนรู้มาตรฐานการทำเกษตรและระบบการจัดการข้อมูลที่โครงการแนะนำ ทั้งการรวมตัวทำงานตลอดจนแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในกลุ่ม ช่วยให้พัฒนาเรื่องการเกษตรและการบริหารกลุ่มเกษตรกร ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในระยะยาวได้