หลังจากเกิดเหตุการณ์เจ้าวายร้ายโควิด-19 บุกถล่มโลกมนุษย์เสียย่อยยับ อย่างที่เราๆท่านๆได้ประสบพบเจอมา ทำให้ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งก็รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ไม่ว่าจะเป็นยุคการเปลี่ยนแปลงปฎิวัติอุตสาหกรรม(ซึ่งรุ่นปู่ของเราก็ยังไม่เกิด ฟังมาจากเขาเล่าว่า อ่านมาจากหนังสือเท่านั้น) สงครามโลกทั้งสองครั้ง (ก็อีกแหละ เรายังไม่เกิด) ยุคเศรษฐกิจล่มสลายในแบล็คมันเดย์ สงครามตะวันออกกลางยุคซัดดัม การปฏิวัติหลายๆครั้ง หรือแม้แต่วิกฤติต้มยำกุ้ง ก็ยังไม่รุนแรงเท่าเจ้าวายร้ายโควิด-19 ครั้งนี้ มันทำลายทุกๆประเทศ ทุกภูมิภาคจริงๆครับ แต่ในวิกฤติย่อมมีโอกาสนะครับ ผมจึงนำมาวิเคราะห์เล่นๆให้อ่านสนุกๆ ถือว่าเป็นการมองโลกในแง่บวกก็แล้วกันนะครับ
ช่วงสามเดือนที่ผ่านมานี้ ผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ทำให้ภาคธุรกิจในเมียนมามีที่ตายเร็วและตายช้า ไม่มีภาคธุรกิจไหนที่ไม่ได้รับผลกระทบนี้ ซึ่งก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับภาคธุรกิจในประเทศอื่น ที่ได้รับผลกระทบไม่น้อยกว่ากันเลย ที่ได้รับผลกระทบมาก ก็เห็นจะเป็นภาคการผลิต ด้านบริการ ร้านอาหาร ด้านบันเทิงต่างๆ แต่ที่สำคัญที่สุด ผลกระทบที่ส่งไปถึงปากท้องของประชาชนมาก ก็เห็นจะเป็นภาคค้าปลีกและค้าส่ง เหตุเพราะเมื่อค้าปลีกและค้าส่งไม่สามารถดำเนินกิจการได้ ก็จะส่งผลไปที่ภาคการผลิต ส่งต่อไปยังแรงงาน ที่ไม่ได้รับค่าแรง พอไม่มีรายได้มาจับจ่ายใช้สอย ก็จะทำให้เงินในระบบไม่มี ส่งผลต่อความต้องการลดลงอย่างมีนัยยะ นี่คือความรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง ทางภาคส่วนของค้าปลีกและค้าส่งนั้น เมื่อการปิดไม่อนุญาตให้ดำเนินกิจการได้มาช่วงระยะหนึ่ง
ผู้ประกอบการเองก็ต้องหาหนทางดิ้นรนเอาตัวรอด จึงทำให้ธุรกิจการค้าออนไลน์ ที่เมื่อสามสี่ปีก่อนได้เริ่มเข้าสู่ประเทศเมียนมา แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากนัก อาจจะเป็นเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคของเมียนมาเอง ที่เป็นคนไม่เชื่อใจใครง่ายๆ อันมีสาเหตุเพราะคนเมียนมาได้รับรู้ถึงกลลวงต่างๆ ที่เขาเคยมีประสบการณ์ได้รับรู้ถึงผลของการหลอกลวง ที่เขาถูกเอารัดเอาเปรียบจากต่างชาติมาโดยตลอด ยาวนาน60-70 ปีที่ผ่านมา ทำให้เขาระมัดระวังตัวมากๆ ดังนั้นการที่จะเข้าไปค้าขายกับชาวเมียนมา หากสิ่งของที่จับต้องไม่ได้ หรือไม่เห็นคุณสมบัติจริงๆกับตาตัวเอง ยากที่จะทำให้เขาเชื่อได้ได้ง่ายๆ นี่คืออุปสรรคใหญ่ของการค้าออนไลน์หรือ E-Commerce แต่พอหลังจากค้าปลีกและค้าส่ง ถูกสั่งให้ปิดดำเนินกิจการชั่วคราว จากผลของโควิด-19 จึงเป็นโอกาสทองของการค้าออนไลน์ เนื่องจากผู้บริโภคไม่มีทางเลือกอื่น เพราะไม่จับจ่ายใช้สอย ก็อยู่ไม่ได้นั่นเอง ทุกวันต้องกินต้องใช้ สินค้าที่เราไม่คิดว่าจะขายทางออนไลน์ได้ เช่น สินค้าอุปโภค-บริโภค(Consumer Product) ก็สามารถขายได้ สินค้าที่เป็นสินค้าฟุ่มเฟื่อย(Luxury Product) ก็ยิ่งขายง่ายขึ้น ดังนั้นจึงทำให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ๆเกิดขึ้น ในโลกการค้าในเมียนมาทันที
ในขณะที่ทางการเมียนมาเอง ก็ได้มีการจับจ้องมองดูกิจการการค้าออนไลน์มานานพอควร เริ่มจากเมื่อคราวที่เกิดธุรกิจสื่อสารเปิดให้มีเสรีในการเข้าไปดำเนินกิจการง่ายขึ้น การขออนุญาตเปิดกิจการโทรคมนาคมใหม่ๆ ก็มีผู้ประกอบการจากต่างประเทศกระโดดเข้าไปเปิดกิจการ จนกระทั้งปัจุบันนี้มีอยู่ด้วยกันหลายค่าย จึงเกิดมีการเข้าไปเปิดกิจการการค้าออนไลน์ขึ้น แต่ในยุคแรกๆที่เมียนมายังไม่ทันระวังตัว ก็มีธุรกิจขายตรง (MLM)เกิดขึ้น ทำให้มีผู้ได้รับผลของการดำเนินกิจการอันไม่ควรประสงค์ ผมไม่ได้พูดว่าธุรกิจขายตรงไม่ดีนะครับ อย่าเข้าใจผิด แต่ต้องยอมรับว่าทุกธุรกิจ มีทั้งคนดีและคนไม่ดีรวมอยู่ด้วยเสมอ แต่ธุรกิจขายตรงจะค่อนข้างเปิดหน้าให้ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์เข้าไปสู่ธุรกิจได้ง่าย และผลประโยชน์ค่อนข้างเยอะและหมิ่นเหม่มาก
จึงเป็นที่จับตาดูของทางการเมียนมา จนกระทั้งได้มีการตรากฎหมายออกมาควบคุมไม่ให้มีการขายตรงเกินกว่าสามชั้นในระบบ ทำให้ผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า แต่พอเกิดปัญหาโควิด-19 เกิดขึ้น ทำให้ธุรกิจออนไลน์ได้รับความยอมรับจากผู้บริโภคมากขึ้น ทางการเมียนมาเองได้เริ่มเข้ามาจัดระเบียบกันใหม่อีกครั้งแล้วครับ
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์เมียนมา ฯพณฯท่าน U Aung Htoo ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการส่งเสริมการค้า เพื่อกระตุ้นให้ภาคเอกชนใช้การค้าออนไลน์ มากระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย เพื่อทำให้เศรษฐกิจของเมียนมามีการเจริญเติบโตมากขึ้น และท่านเชื่อว่าการค้าออนไลน์จะเป็นตัวปัจจัยสำคัญของกลไกการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต หลังจากผ่านพ้นภาวะโรคระบาดโควิด-19 ในเวลาอันใกล้นี้ ดังนั้นทางภาครัฐบาลเมียนมา จะมีการอำนวยความสะดวกและจะช่วยเข้าไปจัดระเบียบการค้าออนไลน์ใหม่อีกครั้ง ซึ่งท่านได้เชิญให้ทางประธานสหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมประเทศเมียนมา(UMFCCI) ท่าน U Zaw Min Win เข้ามาร่วมดำเนินการด้วย ทางท่าน U Zaw Min Win เองก็เชื่อว่าการฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น เทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ต จะเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยให้การทำการค้าในอนาคตประสบผลสำเร็จได้ เพราะจะเป็นตัวเร่งช่วยกันปรับปรุงการบริโภคภายในประเทศให้กลับมาใหม่อีกครั้ง
นี่คือโอกาสทองของธุรกิจออนไลน์ในเมียนมา ผู้ประกอบการไทยเราเองที่มีความชำนาญด้านนี้อยู่ไม่น้อย และมีจำนวนมากที่สามารถเข้าสู่ตลาดเมียนมาได้ น่าจะต้องรีบแต่งเนื้อแต่งตัว รอท่าที่จะเข้าไปสู่สมรภูมิการแข่งขันนี้ ผมเชื่อในขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยเหล่านี้นะครับว่าทำได้ ขอเพียงท่านเอาความรู้ที่มีอยู่มาใช้ให้ถูกที่ถูกทาง ท่านเอาใจมา เอาความรู้ความสามารถมา เอาความกล้าหาญมา เอาเงินทุน(ไม่มากถ้าเทียบกับธุรกิจอื่นๆ)มา เอาความซื่อสัตย์มา ท่านจะประสบผลสำเร็จได้ไม่ยากเลยครับ