“งบ64” วาระ2-3 ฝ่ายค้านจัดทีมถล่ม “กห.-คมนาคม”

“งบ64” วาระ2-3

ฝ่ายค้านจัดทีมถล่ม

“กห.-คมนาคม”
 

     +++ “การเมือง” ในสภาผู้แทนราษฎรช่วงระหว่างวันที่ 16-17 กันยายนนี้ จะกลับมาร้อนแรงชวนให้น่าติดตามอีกคำรบหนึ่ง เพราะจะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท ในวาระ 2 และ 3
 

     +++ สุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน บอกว่า ฝ่ายค้านยังมีหลายประเด็นที่ ส.ส.สงวนคำแปรญัตติไว้ และยังติดใจอยู่ เพราะการปรับแก้ของกมธ.วิสามัญฯ ยังไม่สอดคล้องกับปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะ “กระทรวงกลาโหม” ที่แม้จะตัดงบเรือดำน้ำออกไปแล้ว แต่ยังมีงบประมาณส่วนอื่นที่ยังสามารถตัดออกได้อีก และงบของ “กระทรวงคมนาคม” ที่เน้นแต่การสร้างถนนต่างๆ แต่ถูกปรับลดงบประมาณน้อย
 

     +++ สุทิน บอกว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านยังกังวลต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลที่ตั้งไว้ 2,700,000 ล้านบาท จะเป็นไปได้ตามเป้าหมายหรือไม่ และจะมีการกู้อีกหรือไม่ เพราะในปีที่ผ่านมารัฐบาลก็มีการกู้เพื่อชดเชยเงินขาดดุล และในปีนี้ก็ยังมีการกู้เพื่อแก้วิกฤติโควิด-19 อีก รวมทั้งจะสอบถามความชัดเจนถึงงบสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ หลังปรากฏข่าวว่างบไม่พอด้วย

     +++ สำหรับผลการแปรญัตติงบประมาณนั้น ปรากฏว่า มีตัดลดงบประมาณทั้งสิ้น 31,965,549,000 บาท นำไปจัดสรรให้ส่วนราชการตามที่ครม.เสนอ 17,419 ล้านบาท จัดสรรให้หน่วยงานรัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ และองค์กรอัยการ 509 ล้านบาท ทำให้เหลืองบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ทั้งหมด 3.28 ล้านล้านบาท และมีกมธ.ขอสงวนความเห็น 36 คน และ ส.ส.สงวนคำแปรญัตติ 182 คน
 

     +++ ส่วนหน่วยงานที่ถูกปรับลดงบประมาณมากที่สุด คือ กระทรวงกลาโหม ถูกหั่นงบลง 7,788 ล้านบาท เหลือ 107,740,146,800 บาท จากเดิมที่ขอไว้ 115,528,646,800 บาท ส่วนใหญ่รายการที่ถูกปรับลดเป็นโครงการผูกพันงบข้ามปีของเหล่าทัพ
 

     +++ รองลงมาคือ กระทรวงมหาดไทย ถูกปรับลด 3,863 ล้านบาท แต่ก็ได้รับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้ 10,656 ล้านบาท เพื่อนำไปให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นใช้จ่ายเกี่ยวกับโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 588 ล้านบาท โครงการจัดสวัสดิการทางสังคมแก่ผู้ด้อยโอกาส 5.1แสนบาท และ การจัดสรรเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 10,067 ล้านบาท
 

     +++ เมื่อ “งบ 64” ผ่ายสภาผู้แทนฯ วาระ 2-3 แล้ว ก็จะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา(ส.ว.) ระหว่างวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ต่อไป