“คีรี กาญจนพาสน์” ไม่แบก-ไม่หนัก

ภายหลังที่ Pfizer และ BioNTech ได้รับการอนุมัติการใช้งานวัคซีนต้านโควิด-19 ในกรณีฉุกเฉินจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration : FDA)  ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ว่าสหรัฐได้เริ่มทดลองฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแล้ว เมื่อ  14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็ไม่กระตุ้นดัชนีหุ้นสหรัฐขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะดาวโจนส์ถูกไล่ขึ้นมาไกลเลยจุดรับรู้เรื่องวัคซีนแล้วค่ะ และการแพร่ระบาดของไวรัสยังเลวร้ายอยู่ ยอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 17 ล้านคน และเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิต-19 อีกกว่า 3 แสนคน
 

ขณะเดียวกันราคานํ้ามันดิบ ปัจจุบันกำลังการผลิตก็ล้นโลกอยู่แล้ว ยังได้รับแรงกดดันจากอิหร่าน ประกาศว่า จะเพิ่มกำลังการผลิตนํ้ามันดิบจากวันละ 2 ล้านบาร์เรล ขึ้นมาเป็น 4.5 ล้านบาร์เรล หากสหรัฐอเมริกาภายใต้รัฐบาลของโจ ไบเดน ผ่อนคลายมาตรการคํ่าบาตร เช่นเดียวกับที่ นายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดี จากพรรคเดโมแครต เคยยกเลิกการควํ่าบาตรต่ออิหร่านมาแล้วในปี 2015
 

ถึงแม้ตลาดหุ้นไทยจะเป็นตัวของตัวเองสูง ก็ไม่ได้หมายความว่า ตลาดจะไม่สนใจภาวะรอบข้าง ดังนั้น ถ้าอาศัยมุมมองข่าวจากต่างประเทศก็ยังไม่น่าจะใช่คำตอบ เพราะปัจจัยในประเทศและปัจจัยพื้นฐานของหุ้นแต่ละตัว ยังมีความสำคัญมากกว่าข่าวต่างประเทศอยู่นั่นเอง

“เสี่ยคีรี กาญจนพาสน์” ไม่แบก-ไม่หนัก ขายได้เป็นขายค่ะ ถือเงินสดตุนสภาพคล่องอุ่นใจไว้ก่อน เตรียมพร้อมรองรับโครงการขนาดใหญ่ ใหม่ๆ ที่มีเข้ามา ล่าสุดเทสินทรัพย์ 39 ชิ้น มูลค่ารวม 3.8 พันล้านบาท ออกขาย ทั้งในต่างประเทศ และไทย โรงแรมในยุโรป โรงแรมไทย อย่างนี้สิค่ะ ถึงจะเรียกว่านักพัฒนาตัวจริงค่ะ
 

ในที่สุด SUPER ของ “เสี่ยตั้ม-จอมทรัพย์ โลจายะ” วิ่งขึ้นมาเป็นหุ้นเต็มบาท อีกครั้งจนได้  หลังจาก “ทริสเรทติ้ง”  ปรับเพิ่มเครดิตองค์กรของ SUPER เป็นระดับ “BBB” จากระดับ “BBB-” พร้อมปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จาก “Positive” เท่านี้ไม่พอ “เสี่ยตั้ม” รับประกันว่า SUPER ยังมีทุนหนาพอรองรับการขยายงานในช่วง 3 ปี ข้างหน้า ไม่พึ่งเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดือดร้อน ก็เป็นอย่างที่เจ๊เมาธ์ เคยบอกหละค่ะว่า หุ้นตัวนี้ยังมีโอกาสไปได้อีกไกล เพียงแต่ว่าจะไปไกลมากๆ ก็ยังไม่ได้นะคะ เอาเป็นว่าตอนนี้ยืนเป็นหุ้นเต็มบาทได้นาน ๆ ก็เก่งมากแล้วค่ะ
 

หุ้นร้อน DELTA ที่เจ๊เมาธ์พูดถึงมานาน และต้องยํ้าเตือนบ่อย ๆ ให้ระวัง เพราะจากข้อมูลที่รวบรวมมาหุ้นตัวนี้มีราคาเป้าหมายสูงสุดแค่ 263 บาท จาก บล.กสิกรไทย แต่เหมือนยิ่งเตือน เหมือนยิ่งยุ แรงทะลุ 400 บาท ขึ้นไปจนได้ ยิ่งตอนนี้ต่างชาติ-กองทุน อ่อนแรงขายหุ้นใหญ่ออกมา ถ้าไปต่อไม่ได้ ก็ต้องมองไปที่ 300 และ 250 บาท โน้นเลยนะคะ เผือกร้อนมากๆ แบบนี้ ระวังมันจะลวกมือนะคะ ใครจะรับก็ต้องระวังด้วยค่ะ
 

CPALL กลายเป็นหุ้นตัวแรง ขึ้นได้สูงสุดในรอบ 4 เดือน เพราะประเด็นเรื่องของการควบรวมกิจการของ Tesco ในไทย และมาเลเซีย คาดเสร็จสิ้นในวันที่ 18 ธ.ค.63 บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำ “สะสม”  ราคาเหมาะสม 80 บาท ประเมินว่า Overhang ใกล้ถูกปลดล็อก ทั้งเรื่อง การควบรวม Tesco และเรื่องโอกาสการเข้าถึงวัคซีนป้องกันไวรัส Covid-19 ในช่วงกลางปี 2564 ...ยังมีนักวิเคราะห์อีกหลายสำนัก ให้ราคาเป้าหมาย  70 บาทต้นๆ เท่านั้น เช่น บล.กสิกรไทยให้เป้าที่ 70.25 บาท บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ให้เป้า 73.00 บาท และ บล.เอเซียพลัส ให้เป้าไว้ที่ 74.00 บาท ดังนั้น CPALL จะไปต่อได้ก็มี แต่อาจจะไปได้ไม่ไกลมากนักเท่านั้นเอง
 

นาทีนี้ถือว่า SAK ( ศักดิ์สยามลิสซิ่ง) เป็นหุ้นกลุ่มเดียวกับ MTC และ SAWAD ไปเรียบร้อยแล้ว จากนี้ไป SAK จะกลายเป็นหุ้นที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับหุ้นใหญ่ที่มีศักยภาพที่สูงกว่าทั้ง MTC และ SAWAD เพราะนอกจากดัชนีพื้นฐานที่ใช้ในการเปรียบเทียบราคาหุ้นอย่างค่า P/E ที่ SAK มีมีค่า P/E สูงกว่าเจ้าตลาดทั้ง MTC และ SAWAD นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องจำนวนสาขาที่ SAK มีน้อยกว่าเจ้าตลาดทั้ง 2 อย่างเทียบไม่ติด ดังนั้นใครที่ชอบและเชียร์หุ้นตัวนี้อยู่ ต้องพิจารณาข้อมูลให้รอบคอบด้วยนะคะ เจ๊เป็นกำลังใจให้ค่ะ