*** สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ยังคงรุนแรง หนักหน่วงหลังกลับจากเทศกาลหยุดยาวสงกรานต์ แม้ตัวเลขล่าสุดวันจันทร์ที่ผ่านมาประกาศออกมายอดผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 1,390 ราย ในประเทศ 1,384 ราย มาจากต่างประเทศ 6 ราย สะสม 43,742 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 คน เสียชีวิตสะสม 104 คน กราฟตัวเลขยังคงสูงชันกว่า 1,000 ราย ว่ากันว่ายังไม่พีค ถ้าทุกคนร่วมมือกันเต็มที่พีคจะไปจบที่ปลายเดือนนี้หรืออีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าแล้วตัวเลขจะค่อยๆ ลดลง
*** เราเห็นความโกลาหลของการจัดการภาครัฐ เห็นคนเข้าแถวตรวจหาเชื้อยาวเหยียด เห็นเตียงพยาบาลรองรับผู้ป่วยไม่พอ ต้องสร้าง “โรงพยาบาลสนาม” เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิดสำหรับระลอก 3 นี้ จำนวนมาก หลายผู้เชี่ยวชาญประเมินยอดผู้ป่วยอาจทะลุหลักแสนในระลอกนี้ ที่กังวลกันมากขณะนี้มีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ และไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อเดินทางไปหลายที่แพร่กระจายไปทั่ว เท่ากับทุกคนมีความเสี่ยงทั้งหมด
*** การ์ดตกจากคลัสเตอร์ทองหล่อ ไฮโซ ไฮซ้อ นักการเมืองผู้เฉิดฉายขาดความรับผิดชอบ แต่ประชาชนต้องพลอยรับเคราะห์กรรมไปด้วย รับเคราะห์กรรมจากเศรษฐกิจที่จะชะลออีกรอบ การตกงาน การเลิกจ้างจะตามมาอีกรอบ บอบช้ำสาหัสไปตามๆ กัน ในภาพรวมๆ ที่หวังๆ กันไว้จีดีพีจะโตได้ 4% คงยากจากปีก่อนที่ตกไปกว่า 8% ในสถานการณ์โรคระบาดที่ยังไม่พีค ยังไม่มีวัคซีน การท่องเที่ยวยังไม่เห็นทาง แค่โตได้ 2 % ก็หรูแล้ว
*** โควิดระลอก 3 เที่ยวนี้บทพิสูจน์สำคัญทั้งโครงสร้างสาธารณสุขและโครงสร้างเศรษฐกิจที่ว่าแข็งแกร่ง จะรองรับความเสี่ยงหนักๆ แบบนี้ได้หรือไม่ แต่บางคนก็บอกว่าโครงสร้างทั้ง 2 ส่วนแข็งแรง มีศักยภาพอยู่แล้วเพียงแต่ผู้บริหารนโยบายตามโครงสร้างต่างหากที่ไม่แข็งแกร่งพอ อาจจะแข็งแกร่งด้านอื่นแต่อ่อนเหลวด้านการบริหารนโยบาย จะผิดหรือถูกเดี๋ยวก็รู้ ที่ผ่านมาเผชิญวิกฤติหลายรอบก็ผ่านมาได้ รอบนี้จะผ่านไปอย่างไร
*** แน่นอนโควิดระบาดหนัก คนก็ย่อมถามหาวัคซีน เมื่อไรจะมา เมื่อไหร่จะได้ เป้าจึงพุ่งไปที่รัฐผูกขาดการจัดหา กระทั่งนายกรัฐมนตรีต้องออกมาบอกว่าติดต่อไปแล้วหลายเจ้าแต่ไม่รู้เขาจะขายไม่ขาย อธิบายไม่ครบก็ถูกตั้งข้อครหาไร้ฝีมือ ข้อเท็จจริงที่ต้องยอมรับเราจัดหาล่าช้าจริง อีกด้านติดต่อแล้วใช่ว่าเขาจะขายให้ทันที มีเงื่อนไขที่ต้องยอมรับ เข้ามาแล้วอันเนื่องจากวัคซีนฉุกเฉิน ฉีดแล้วผลข้างเคียงเสียชีวิตขึ้นมา เขาก็ไม่ต้องการเข้ามารับผิดชอบ จะเอาเร็วเอาด่วนก็ต้องรับเงื่อนไขเขา อย่ากระนั้นเงื่อนไขฝั่งผู้ขายเป็นเรื่องการเจรจารับกันตรงไหนอย่างไร แต่ขณะนี้ขออย่าให้เป็นเงื่อนไขฝั่งผู้ซื้อประเภทคอขวดบางหน่วยงานที่มีหน้าที่พิจารณาขึ้นทะเบียนให้เขา ต้องยอมรับยุ่งยากมากเรื่องจริง ในอดีตเคยมีกำแพงลักษณะนี้ที่ภาคเอกชนปวดหัวในการยื่นขอใบ รง.4 โรงงานอุตสาหกรรม จนมีการทลายกำแพงสำเร็จ รัฐบาลต้องทลายกำแพง ทะลวงคอขวดหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขเสียให้ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้มีปัญหาเสียทุกเรื่องหรือทุกใบอนุญาตหรือทุกครั้งที่มีการติดต่อ จนเอกชนร้องยี้ทุกรายเมื่อต้องติดต่อหน่วยงานนี้ ประเภทเดินตรงไม่มีทางถึงเป้าหมายเลย
*** ยืนยันมาจาก เดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ แม้เผชิญความหนักหน่วงโควิดปานใด ยังมีเงินพอ ตุนไว้ปีงบประมาณนี้ 2564 ยังมีงบประมาณเพียงพอสำหรับใช้ในการเยียวยาและพยุงเศรษฐกิจ เฉลี่ยประมาณ 2.6 แสนล้านบาท มาจากพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่ยังเหลืออยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท และจากงบประมาณรายจ่ายงบกลางปี 2564 รวมทั้งงบกลางกรณีฉุกเฉินและจำเป็นที่ยังใช้ได้ อีกประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท มาตรการออกมาแต่ละรอบใช้แสนล้าน ท่านว่าพอก็ฟังท่าน แต่ก็ดูเฉพาะภาพในส่วนของท่าน แต่โปรดดูไปที่ความเสียหายภาพรวมของเศรษฐกิจทั้งระบบด้วย ต้องไม่ลืมว่าชั่วโมงนี้ไม่มีใครมีเงินให้ใช้จ่ายนอกจากรัฐเพียงอย่างเดียว จะดูเฉพาะมุมเยียวยาอย่างเดียวก็กระไรอยู่นาท่านนา
*** เล็กๆ ไม่ สำหรับ เสี่ยกลาง สารัชถ์ รัตนาวะดี นักธุรกิจพลังงานรายใหญ่แห่งกัลฟ์ หลังจากเติบโตแบบก้าวกระโดดในธุรกิจไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว เป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจนี้แบบฉุดไม่อยู่แล้ว ประกอบกับธุรกิจพลังงานการจัดหาไฟฟ้าที่เรียกได้ว่าเต็มพอร์ตแล้ว ก็ถึงคราวกระโดดเข้าสู่ธุรกิจสื่อสาร ประกาศดีลเทคโอเวอร์ intuch ทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดจาก อินทัช โฮลดิ้ง และ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) แต่ขอผ่อนผันไม่ซื้อหุ้น บมจ.ไทยคม ที่เป็นลูกของอินทัช โดยซื้อหุ้นทั้งหมดของ INTUCH ที่ราคา 65.00 บาทต่อหุ้น หลังจากนั้นเสนอ ADVANC ที่ราคา 122.86 บาท ต้องใช้เงินในดีลนี้ประมาณ 5.4 แสนล้านบาท ซื้อ INTUCH 1.7 แสนล้านบาท อีกจำนวน 2,599.63 ล้านหุ้น ที่หุ้นละ 65 บาทและ ADVANC 3.7 แสนล้านบาท ใช้เงินบริษัทและเงินกู้ในการเข้าซื้อ ว่ากันว่าเป้าหมายตรงที่อินทัชกับ 1.7 แสนล้าน กู้มาได้ปันผลก็คุ้มกับดอกเบี้ยสบายๆ เห็นเส้นทางเดิน “เสี่ยกลาง” แล้วอย่าได้แปลกใจ เร็ว และ แรงเกินพิกัด ติดทำเนียบเศรษฐีหุ้นมาตั้งแต่ปีแรกๆ ที่กัลฟ์เข้าตลาด เป็นเส้นทางที่มากไปด้วยบารมีไปทั่วทุกวงการ ว่ากันว่าชั่วโมงนี้กระทืบเท้าทีเดียวก็สะเทือนไปทั่วทั้งพารา