แวดวงวิทยาศาสตร์เขามีอะไรแปลกๆ แหวกอารมณ์ไม่ว่างเว้น มีสตอรี่โดดเด่นแบบทีเล่นทีจริงน่าสนใจ อย่างเช่น การอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน มีผลเท่ากับ สูบบุหรี่ 15 มวน ต่อ 1 วัน หรือ การได้กอดผู้หญิงเป็นสัก 20 วินาที จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในตนเองและความสุขของเธอ
เขายืนยันด้วยว่า คำว่า “เป็นไปไม่ได้” ในศตวรรษนี้ มันลดฮวบลงไป 50% ผมก็ไม่เถียงว่าใช่หรือไม่ใช่ เพียงแต่ ก่อนจะกอดให้ฉ่ำใจช่วยเล็งให้ชัดว่าใครเป็นใคร เกิดไปกอด นางผีเสื้อสมุทร แล้วโดน พระอภัยมณี ฟ้องมันจะคุ้มกันเรอะ
พูดก็พูดเถอะ รู้กันหรือยังว่า พระอภัยมณี ชื่อเดิมของท่านคือ “อภัย” หลังจากอยู่กินกับ นางผีเสื้อสมุทร ก็โดนเธอตะคอกทุกวันได้ยินกันสนั่นโลกว่า “อภัย…มานี่ อภัย…มานี่” ชาวบ้านจึงเรียกท่านว่า “อภัยมานี่” ในที่สุดชื่อก็แผลงมาเป็น “อภัยมณี” (ฮา)
ผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ด้วยติดตามดูการสแกนความเปลี่ยน แปลงของพื้นผิวสมองช่วยให้บรรดากูรูผู้ถือตาลปัตรห้องแล็ปบังหน้ากล้ายืนยันได้ว่า ผู้ใดมีแท่งช็อคโกแลตอยู่ในครอบครองสามารถจะทำให้เขาหรือเธอเกิดความรู้สึกมีความสุขที่น่าพึงพอใจมากกว่า ความรัก เพลงโปรด และ การถูกล็อตเตอรี่
ส่วนนักจิตวิทยาท่านก็เห็นสอดคล้องกันว่า ช็อกโกแลต เซ็กส์ กับ เสียงหัวเราะ ล้วนมีความสำคัญต่อสมองที่แข็งแรง สงสัยจะพิสูจน์กันเหนื่อย ข้อเข่า กว่าจะได้ข้อสรุป (ฮา)
ผมลองเอาเกร็ดวิทย์ชุดนี้ไปถามคนรุ่นเดียวกันว่า “ในความเห็นของคุณ ถ้าคุณมีโอกาส คุณจะเลือกเอาอะไรไว้ปลอบประโลมชีวิต ระหว่าง ช็อกโกแลต ตกหลุมรัก การฟังเพลงโปรด และ การถูกลอตเตอรี่ ตะแกตอบโดยไม่ต้องคิดว่า “เอาถูกลอตเตอรี่ไว้ก่อน ขึ้นเงินเสร็จเราก็เอาเงินสดไปอ็อฟช็อกโกแลต” (ฮา)
หลายวันมาแล้ว ผมใช้บริการแท็กซี่วัยเฮียซึ่งมีสีหน้าไม่แช่มชื่นสายตาดูออกว่ามีแววสะดุดทุกข์ ขับรถไปสักสามสี่ป้ายก็เริ่มรำพึงให้ผมฟังด้วยสุ้มเสียงที่อ่อนใจไร้ชีวา “ชะตาของผมมันอาภัพ เมียก็มีชู้ ลูกสาวสองคนก็ทิ้งผมไปอยู่กับแม่มัน….”
เขาเล่าสั้นๆ แล้วก็เงียบไป ผมจึงเริ่มเปิดฉากล้างสมองเฮียโดยไม่รีรอว่า “คนที่เราเคยใยดีวันนี้เขาเห็นผิดเป็นถูก เทเฮียทั้งแม่ทั้งลูก เฮียเสียความรู้สึก เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ” เฮียก็ถามผมว่า “ถ้าเป็นคุณ คุณจะเอาไง”
ผมก็ตอบแบบ ยุบครอบครัว เลียนแบบ ยุบพรรค ว่า “ผมว่างานนี้ เฮียมีแต่โชคดีไม่มีโชคร้าย” เฮียหันหน้ามาถามทันควันว่า “โชคดีตรงไหน เสียลูก เสียเมีย ไม่ใช่ถูกล็อตเตอรี่ นะคุณ” ผมได้ทีก็จิ้มเฮียเสียเม็ดหนึ่งว่า “เฮียเคยเห็นนักฟุตบอลเขาเบียดชุลมุนกันหน้าประตูแล้วงงตาลายจนหาลูกบอลล์ไม่เจอไหม เฮียเป็นคนใจดีมัวแต่ห่วงความเคลื่อนไหวของสามแม่ลูกจึงลืมดูตัวเองว่าได้เสียอะไรยังไง ถามจริง… เมียกับลูกเขารู้สึกบ้างหรือเปล่าว่า เขาน่ะเสียเฮียไป!” โชคดีนะที่ช่วงนั้นรถไม่ติดไฟแดง ไม่งั้นผมคงจะเสียอะไรไปสักอย่าง (ฮา)
ขณะที่เฮียกำลังนั่งนับหนึ่งถึงสิบ ผมรีบสรรหาวาทกรรมแทนน้ำเย็นผสมดอกมะลิรดใจแกไปขันหนึ่ง “ผมว่าเฮียน่ะแมนมากเลยนะ” เฮียถามแทรกว่า “ผมแมนตรงไหน?” ผมบรรจงเอาพลาสเตอร์ยากันน้ำแปะแผลใจเฮียว่า “เฮียเป็นคนใจดีมีคุณธรรม ไม่คิดจะเอาคืนใคร” เฮียยิ้มมีเลศนัยแล้วสารภาพกับผมว่า “ถ้าผมมีตังค์สู้คดีหนีข้ามชายแดนได้ ผมยิงแม่งไปนานแล้ว!” (ฮา)
ผมกับเฮียเริ่มหัวเราะคู่ขนานกันทันที นี่แหละสัญญาณเชิงบวก อารมณ์เฮียเริ่มโปร่งใส ใจเฮียเริ่มเปิด ผมรีบสาวเฮียขึ้นมาจากหลุม “ผมว่าชะตาเฮียกำลังเคลื่อนพ้นหลุมดำลอยเข้าสู่ช่วงแฮปปี้เอ็นดิ้ง เฮียโชคดีที่แฟนมีชู้แบบโปร่งใส ถ้าแฟนหน้าไหว้หลังหลอกบอกว่ารักเฮียคนเดียว เฮียก็จะขับแท็กซี่เก็บตังค์เอาไว้ซื้อสร้อยทองคล้องคอแฟนในวันวาเลนไทน์หรือวันคล้ายวันเกิด
แฟนก็อ้างว่าหล่นหายแอบเอาไปขายได้ตังค์ก็เอาไปบำเรอชู้ ลูกสาวทั้งสองผลัดกันฉอเลาะเฮีย เฮียขับรถจนคางเหลือง หาตังค์ส่งเสียจนเขาเรียนจบ ปวส. เรียนจบหลบหน้าไปอยู่กับแม่ลอยแพไปติดเกาะสีชัง
วันนี้เฮียไม่มีปลิงสามตัวมาเกาะตัวรุมดูดเลือด เขากับเฮียสิ้นเวรกันเพียงเท่านี้ แต่ละปีเฮียจะมีเงินเก็บเอาไว้ใช้เอง เรื่องอย่างนี้เฮียควรดีใจ วงแตกแต่ชะตาไม่ตก จริงไหมล่ะเฮีย”
พูดถึง แท็กซี่วัยเฮีย ผมก็ลามไปนึกถึงขอทานวัยลุง ที่นั่งตรงสี่แยกไฟแดง เอาเฉพาะ เหรียญ 5 เหรียญ 10 แบงค์ 20 ไม่รับเหรืยญบาท ใครให้มาก็จะทิ้งเกลื่อนไว้ตรงสี่แยก ถ้าผมอยู่แถวนั้นจะยุคนทั้งเมืองว่า “ใครจะให้เงินลุง จงให้แต่เหรียญบาท ถ้าลุงไม่เอา ให้เขียนโน้ตใส่ขันปรับสติลุงกันรัวๆว่า “ของฟรีอย่าเรื่องมาก!” (ฮิ้ว...)
• จองหอง เป็น บุคลิกของคน
• ถ่อมตน เป็นบุคลิกของมนุษย์
• ถ้ามี สติ ปัญญา ชะตา ต้นทุน อุบาย อาศัยมิตร จิตกุศล ปรับตน และ ทำใจ เป็นบุคลิกของอริยะ