ค่านิยมน้ำเน่าในสมัยผม คือ การทับถมกันว่า สายวิทย์ ฉลาดกว่า สายศิลป์ อาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนได้กลิ่น ศิลป์กับวิทย์ มีแววงัด จึงรีบประกาศโยกแบรนด์ให้ สายวิทย์ ที่เคยครอง ห้องคิงส์ ห้องควีนส์ คือ ก.ไก่ กับ ข.ไข่ ให้ย้ายไปนั่งเรียน ห้อง ค.ควาย กับ ง.งู สายศิลป์ ที่เคยนั่งห้อง ค.ควาย กับ ง.งู ก็ให้ย้ายไปนั่งเรียน ห้องคิงส์ กับ ห้องควีนส์ คือ ก.ไก่ กับ ข.ไข่ (ฮา)
ไม่ปฏิเสธว่ากลเม็ดนี้บรรยากาศดีขึ้นกว่าเดิม เพราะหลังจากสายวิทย์โดนกระชับพื้นที่ก็มีอาการซึมไปหลายวัน สายศิลป์ก็ไม่มีอาการกระดี๊กระด๊าอะไรมากจนเกินไป ผมทบทวนดูแล้วมันก็คล้ายๆ กับย้ายพรรค ไม่แน่ใจว่าจิตทั้งสองสายยังปักหลักอยู่ในเงามืดเหมือนเดิมหรือเปล่า
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Mindset หรือ “ชุดความเชื่อ” คือ ทัศนคติ ว่าด้วย อยากเฮง เลี่ยงซวย อยากสวย เพิ่มหล่อ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงบุคลิกดุจประหนึ่งฝาแฝด ที่หมอผ่าตัดคงจะวางเครื่องมือเพราะว่าลำบากที่จะแยกให้ออกจากกัน ผมอ้างข่าววงในของคนสายมูอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นพยาน แนวทางที่นั่นเขาหากินจัดว่าโอเวอร์ เขาเปิดร้านให้บริการคนที่อยากจะเปลี่ยนชะตาด้วยการใช้แสงเลเซอร์กรีดลายเส้นเพิ่มขึ้นมาใหม่ ลงในฝ่ามือตามที่ลูกค้าต้องการ
ลองหงายฝ่ามือดูตรงโคนนิ้วก้อยเราจะเห็นว่า มันมีลายเส้นเป็นริ้วสั้น หรือยาว และ ลึกหรือตื้น เส้นนั้นจะเป็นตัวบอกว่า ชีวิตเราในชาตินี้จะมีแฟนกับใครบ้างหรือเปล่า ถ้าไม่มีและอยากจะมีใจจะขาด เขาจะลิขิตเส้นใหม่เพิ่มให้ตามใจชอบ ด้วยการยิงเลเซอร์เป็นรอยอักเสบแดง หลายวันผ่านไปแผลจะตกสะเก็ด เมื่อแผลหายจะเกิดลายเส้นเป็นร่องลึก แอบเป็นห่วงว่า แบบนี้จะเข้าข่าย ปลอมแปลงเอกสารชีวิตไหมอ่ะ (ฮา)
ผมขอเอาข่าวลือมาสมมุติเป็นกรณีศึกษา คิดกันแบบสายฮา กรุณาอย่าเถียงกันแบบเอาเป็นเอาตายว่า ถ้า นายตะมุ ฟ้องหย่า นางตะมิ ด้วยข้อเท็จที่เกิดขึ้นจริงๆ ว่า ภรรยาขยันกว่าผี เธออำทั้งกลางวันกลางคืน (ฮา) เธอแอ่นแอ๊นสำแดงตนคล้ายรถมือสองที่ยกหน้าใหม่ให้ดูดี นายตะมุ ไม่มีฌาณในการดูหน้าตา มัวแต่เพ่งกสิณไปที่หน้าอก (ฮา)
กว่าจะรู้ว่า เธอหลบมุมแว่บออกทางธรรมชาติไปทำศัลยกรรมที่เมืองเกาหลัง เชื้อมันแรงเรื่องจึงแดงขึ้นมาเมื่อเธอคลอดลูก หน้าตาคนละเบ้ากับเธอ ก่อนนี้ นายตะมุ ลุ้นอยู่ว่า หน้าตาลูกจะต้อง “คิเรนะ” อารมณ์ญี่ปุ่นที่หวังว่าลูกคงจะมีหน้าตาสวยเหมือนเธอในวันนี้ กลายเป็นว่าแทงสูงออกต่ำ เข้าข่าย ขี้เหร่ เลยสินะ นางตะมิ ยอมรับว่า ลูกหน้าเหมือนเธอก่อนที่จะไปทำศัลยกรรม นายตะมุ จึงปูพรมดำนำตัวไปขึ้นศาล (โธ่!)
ศิลปิน เคิร์ท โคเบน Nirvana บอกว่า “ฉันขอถูกเกลียดในสิ่งที่ฉันเป็น ดีกว่ารักในสิ่งที่ฉันไม่ได้เป็น” เธอยอมรับว่า ทุ่มเงินไปกว่า 65,432 ปอนด์ ในการแปลงโฉม ศาลตัดสินว่า ภรรยาสร้าง มิติกรรมอำพราง ไม่บอกก่อนแต่งงานสักคำว่า เคยทำศัลยกรรมทำใจได้ไหมล่ะ จึงเข้าข่ายหลอกลวงให้สามีเชื่อว่าเธอมีใบหน้าคิเรนะ สามีชนะคดี เธอต้องจ่ายเงินให้สามี 76,543 ปอนด์ งานนี้เคาท์ดาวน์ 765432 (ฮา)
เรื่องนี้เป็น ข่าวการ์ตูน สอนใจทั้งชายหญิง ความจริงให้ผลดีกว่าผักชีโรยหน้า อย่าอิงไปโทษคู่กรณีหรือโทษดวง ก่อนจะเฉ่งใครให้นึกถึงหัวอกเขาที่เขาผิดหวังและหัวใจเราที่ใจสลาย ผู้หญิงทำศัลยกรรมให้ดูสวยกว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลว่ากันมิได้เลย ถ้าคิดจะมีคู่ครองแล้วตกลงกันว่าจะไปทำหมันเพราะไม่อยากจะมีลูกเกมก็จบ
ครั้นเมื่อปล่อยเกมให้เลยเถิดก็ต้องคิดถึงแฟนว่า เขาต้องตอบคำถามใครต่อใครว่า ลูกหน้าเหมือนใครแล้วใครล่ะจะไม่เซ็ง ถ้าผมเมนท์เขาว่า อย่าใจแคบสิ! แล้วเขาตอบว่า “อั๊วะไม่ได้มีเมียเพื่อประสงค์จะนิพพาน?” (ฮา)
เกิดผมตบะแตกกระโดดกัดหู นายตะมุ คอลัมน์นี้ก็ต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “เปิดคุกปลุกหมอง” (ฮา)
แครอล ฮันท์ นำเสนอแง่ให้คิดก่อนจะแต่งงานว่า “แหวนแต่งงาน คือ กุญแจมือที่เล็กที่สุดในโลก!” ไม่งั้นอาจจะเจอเรื่องที่ไม่พึงปรารถนา อย่างเช่น ภรรยาบอกกับสามีว่า “ตะเองพาเค้าไปเดินเล่นในโซนที่มีราคาแพงๆ หน่อยสิ” สามีไม่อิดออดเลย ขับรถตะบึงพาพาภรรยาไปเดินเล่นวนไปวนมาอยู่ในปั๊มน้ำมัน (ฮา)
เมลชอร์ ลิม นำเสนอมุมมองให้หันกลับมาทำใจเผื่อๆ ไว้ว่า “ผู้หญิงคล้ายกับตำรวจ พวกเขาสามารถมีหลักฐานทั้งหมดในโลก แต่ยังต้องการคำสารภาพอยู่ดี” ซินดี้ การ์เนอร์ ปั๊วะฝุดๆ เธอนำเสนอกุศโลบายการหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งด้วยการชี้โพรงว่า “วิธีที่จะทำให้ภรรยาหรือสามีจดจำวันครบรอบของเขา คือ จัดงานแต่งงานให้ตรงกับวันเกิดของเขา” ว้าว! ไอเดียโปรขั้นเทพเลยอ่ะ (เปาะแปะ…เปาะแปะ…)
เศรษฐีวัยกลางคนเคยเล่าให้ฟังว่า ครอบครัวเขาจัดว่าสมบูรณ์แบบ เธอเป็นภรรยาที่ฉลาดสุดๆ เธอสวย เธอทำงานเก่ง ยกเว้น บุคลิกเข้าขั้นอาการหนัก แต่ละวันนับไม่ทันว่าเธอกินอะไรเข้าไปบ้าง (ฮา) ยามใดที่เรารำพึงเรื่อง เชฟครองโลก คือ เธอเอาโลกมาสวมเอวครองไว้คนเดียว (ฮา) เธอก็จะทวงบุญคุณสวนกลับทันทีว่า
“กิจการของเรารายได้ดี ฉันจึงกินมันทุกเมนูเพื่อป้องกันความเสี่ยง คุณไม่มีวิสัยทัศน์เข้าใจอย่างที่ฉันคิดหรอก น้ำหนักตัวฉันเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ ไอ้พวกโจรเรียกค่าไถ่มันจะลักพาตัวฉันยากยิ่งขึ้นไปทุกวัน ใช่เปล่า!” (ฮา)
Eric Weiner นักพูดยอดนิยมของสังคมอเมริกา เล่าว่า คนที่เรียนจบมหาวิทยาลัยมักจะมีความสุขกว่าคนที่ไม่มีปริญญา แต่คนที่เรียนสูงระดับดอกเตอร์มักจะมีความสุขน้อยกว่าคนที่จบแค่ปริญญาตรี
บอกให้เราฉุกคิดได้ว่า คนที่มีสุขใจกว่าคนที่ไม่มี แต่ทว่า คนที่แบกจะหนักใจกว่าคนที่หิ้ว