โดยทั่วไปหากคิดถึงการทิ้งมรดกไว้ให้ลูกหลานของตน หลายคนมักจะนึกถึงในแง่ว่าตนจะถูกจดจำอย่างไร แต่สำหรับในทางกฎหมายแล้ว มรดกหมายถึงการมอบทรัพย์สิน เงิน และธุรกิจของบุคคลให้แก่ครอบครัวและบุคคลอันเป็นที่รัก บางคนใช้เวลาหลายปีในการทำธุรกิจเพื่อสนับสนุนทางการเงินแก่ครอบครัว แต่เมื่อลูกๆเติบโตขึ้นและก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เป้าหมายในการทำธุรกิจก็อาจเปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตามการตระหนักว่าตนต้องการทิ้งธุรกิจเป็นมรดกให้ลูกๆเป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น แต่การเตรียมองค์กรเพื่อการสืบทอดกิจการภายในครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่าย การทำให้มั่นใจว่าการส่งต่อไปยังสมาชิกในครอบครัวจะเกิดขึ้นอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก จึงมีเคล็ดลับสำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการเริ่มต้นสร้างธุรกิจเพื่อเป็นมรดกให้กับครอบครัวดังต่อไปนี้
1. ตรวจสอบทุกโอกาสอย่างถี่ถ้วน (Vet Every Opportunity) เมื่อตัดสินใจว่าจะสร้างหรือลงทุนในธุรกิจประเภทใด ควรพิจารณาและวิเคราะห์ทุกโอกาสอย่างละเอียดรอบคอบ โรวมถึงพิจารณาว่าธุรกิจจะเป็นอย่างไรในช่วงเวลาที่ยากลำบากและรูปแบบธุรกิจนั้นสามารถขยายและเติบโตในระยะยาวได้หรือไม่ สิ่งสำคัญคือลูกๆจะสามารถเรียนรู้ธุรกิจนี้ได้หรือไม่
ซึ่งนอกเหนือจากศักยภาพในการอยู่รอดและการเติบโตแล้ว ควรเลือกธุรกิจที่สอดคล้องกับค่านิยมหลักของครอบครัวทั้งในด้านการทำงานและชีวิตส่วนตัวด้วย ทั้งนี้การลงทุนในอุตสาหกรรมที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นกับงานที่ทำเป็นสิ่งสำคัญ และการเลือกธุรกิจที่ตนเองเชื่อมั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุด แม้อาจรู้สึกกลัวในการตัดสินใจที่จะส่งผลกระทบต่อคนอีกหลายรุ่นในอนาคต
2. กำหนดเป้าหมายทางการเงิน (Set a Monetary Goal) หลังจากที่เลือกอุตสาหกรรม สินค้าหรือบริการ และวิธีการดำเนินธุรกิจได้แล้ว จะต้องตั้งเป้าหมายที่อยากให้ธุรกิจไปถึง รวมถึงกำหนดเป้าหมายส่วนตัวที่ต้องการให้ตัวเองและครอบครัวได้บรรลุถึงด้วย ทั้งนี้ควรกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน
เช่น กำหนดเป้าหมายว่าต้องการได้เงินเท่าใดและต้องการให้บรรลุเป้าหมายภายในเวลาเท่าใด เป้าหมายที่ดีคือควรคิดไว้ว่าต้องการได้เงินเท่าใดเพื่อให้ตัวเอง ครอบครัว และธุรกิจประสบความสำเร็จ
3. สร้างแผนการสืบทอดที่มีประสิทธิภาพ (Create an Effective Succession Plan) เมื่อมีแผนธุรกิจไว้แล้วและกำลังมุ่งหน้าไปสู่การบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ก็ถึงเวลาที่จะสร้างแผนการสืบทอดธุรกิจ เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านระหว่างรุ่นที่ประสบความสำเร็จมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาธุรกิจครอบครัว แผนการสืบทอดที่ดีจะสามารถลดความกังวลเกี่ยวกับการเงินและความรับผิดชอบเมื่อความเป็นเจ้าของส่งต่อไปยังรุ่นต่อไป
เนื่องจากธุรกิจที่เป็นมรดกอาจทำให้เกิดความรู้สึกอ่อนไหวและความขัดแย้งได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ ควรพูดคุยเกี่ยวกับแผนการอย่างเปิดเผยและโปร่งใส เพื่อที่เมื่อถึงเวลาต้องส่งมอบธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงผู้นำและการถ่ายโอนความรู้จะได้เป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหา
นอกจากนี้เมื่อกำลังวางแผนการสืบทอดธุรกิจ จะต้องพิจารณาความเป็นจริงว่าสมาชิกในครอบครัวแต่ละคนมีความสามารถและความเหมาะสมเพียงใดกับบทบาทในอนาคตของธุรกิจ โดยควรคำนึงถึงทักษะ สิ่งที่ให้ความสำคัญในชีวิต และวิถีชีวิตของพวกเขาเมื่อแบ่งงานและมอบหมายหน้าที่ จะช่วยให้หาได้ว่าใครเหมาะที่จะเป็นผู้รับช่วงต่อ และให้เวลาทุกคนในการฝึกอบรมที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนผ่านความเป็นเจ้าของธุรกิจ
4. การสนทนาอย่างเปิดเผย (Have an Open Dialogue) เมื่อเริ่มรวมครอบครัวเข้ากับธุรกิจ อย่าลืมสื่อสารรายละเอียดให้ชัดเจน สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าเพียงเพราะคิดเอาเองว่าสมาชิกในครอบครัวควรจะเข้ามาดูแลธุรกิจต่อ อาจไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสนใจทำเช่นนั้นจริง
ดังนั้นการสนทนาอย่างเปิดเผยกับสมาชิกในครอบครัวจึงมีความสำคัญ เพื่อให้เข้าใจสาเหตที่สมาชิกอาจไม่สนใจธุรกิจ และสิ่งที่อาจต้องทำการเปลี่ยนแปลงภายในธุรกิจ ซึ่งหากสมาชิกในครอบครัวเข้าใจถึงสถานการณ์และการเติบโตของธุรกิจ จะสามารถช่วยลดความเครียดในการสืบทอดมรดกได้
นอกจากนี้การกำหนดแนวทางและกฎเกณฑ์สำหรับการแก้ไขข้อขัดแย้ง การจัดการทรัพย์สิน และการมีส่วนร่วมของครอบครัวในธุรกิจจะช่วยสร้างความสามัคคี ความโปร่งใส และความยั่งยืนในระยะยาวของมรดก รวมถึงการส่งเสริมการกำกับดูแลครอบครัวที่แข็งแกร่ง จะช่วยให้ธุรกิจครอบครัวสามารถผ่านพ้นความท้าทายและปกป้องผลประโยชน์ของทั้งธุรกิจและครอบครัวในระยะยาวได้ต่อไปอีกด้วย
ที่มา: Jason Skidmore. March 26, 2024. 4 Steps to Building a Family Legacy Business. Available: https://smallbusinesscurrents.com/2024/03/26/4-steps-to-building-a-family-legacy-business/
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.famz.co.th