มรดกของธุรกิจครอบครัว เรื่องราวความสำเร็จผ่านกาลเวลา

หัวใจสำคัญของธุรกิจครอบครัวคือการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น โดยธุรกิจครอบครัวส่งต่อความเป็นผู้ประกอบการจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งด้วยการผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาใหม่ๆ และนวัตกรรมภูมิปัญญาที่สั่งสมมาจากประสบการณ์และความสำเร็จในอดีตถูกนำมาใช้ร่วมกับแนวคิดใหม่ๆ และนวัตกรรมเพื่อให้ธุรกิจครอบครัวสามารถพัฒนาและเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน

ดังนั้นคนรุ่นต่อไปจึงไม่ได้เป็นเพียงผู้ดูแลบริษัท แต่ยังเป็นผู้รักษามรดกของครอบครัวด้วย เพื่อให้ธุรกิจมีอายุยืนยาวและไม่สูญหายไปตามวัฏจักรของกำไรและขาดทุน สำหรับวัฒนธรรมองค์กรก็จะได้รับการหล่อหลอมจากประสบการณ์และการกระทำของผู้ก่อตั้งและคนรุ่นก่อน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางและค่านิยมของบริษัทในปัจจุบัน และคนรุ่นปัจจุบันยังคำนึงถึงประวัติความเป็นมาและบทเรียนจากอดีตในการดำเนินกิจการเพื่อรักษาและพัฒนามรดกของครอบครัวต่อไป

ความยืนยาวของธุรกิจครอบครัวมักขึ้นอยู่กับการรักษาสมดุลระหว่างการเคารพประเพณีดั้งเดิมและการยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งนี้มีความสำคัญต่อมรดกของครอบครัว ที่ต้องการความเข้าใจว่าเมื่อใดควรรักษาวิธีการที่เคยได้ผลมาแล้วในอดีต และเมื่อใดควรปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด การที่ธุรกิจสามารถผสมผสานสิ่งเก่ากับสิ่งใหม่ได้ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและยืดหยุ่น ซึ่งจะทำให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ยาวนาน

ทั้งนี้นอกจากทรัพย์สินที่จับต้องได้แล้วมรดกของธุรกิจครอบครัวยังหมายรวมถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น ค่านิยม หลักการ และการอุทิศตนต่อชุมชนอีกด้วย ธุรกิจครอบครัวมักมีบทบาทสำคัญในสังคมท้องถิ่น เป็นเสาหลักที่มั่นคงและช่วยสร้างสรรค์สังคม ซึ่งไม่เพียงช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงให้ธุรกิจเท่านั้น แต่ยังทำให้มรดกของธุรกิจนั้นแข็งแกร่งและเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีอีกด้วย

มรดกของธุรกิจครอบครัวนั้นส่งผลกระบทต่อต่อบุคคล ชุมชน และโลกธุรกิจ มรดกของธุรกิจครอบครัวมีประเภทสำคัญๆดังนี้

• มรดกด้านการเงิน (Financial Legacy)  เกี่ยวกับทรัพย์สินที่จับต้องได้ ความมั่งคั่ง และความสำเร็จทางการเงินที่สั่งสมมาตลอดหลายปี มรดกประเภทนี้คือการส่งต่อธุรกิจที่ประสบความสำเร็จซึ่งสามารถให้ความมั่นคงทางเศรษฐกิจแก่คนรุ่นต่อไปได้
• มรดกด้านวัฒนธรรม (Cultural Legacy)  เกี่ยวกับการรักษาประเพณี ค่านิยม และวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งกำหนดอัตลักษณ์ของธุรกิจครอบครัว มรดกประเภทนี้ยังรวมถึงจริยธรรมที่ชี้นำการตัดสินใจและพฤติกรรมของผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้วย

• มรดกด้านสังคม (Social Legacy)  ธุรกิจครอบครัวมักมีบทบาทสำคัญในชุมชนของตนเอง ดังนั้นมรดกด้านสังคมจึงเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น การกุศล และผลกระทบที่ดีต่อความเป็นอยู่ของชุมชน ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นต่อความรับผิดชอบต่อสังคมของธุรกิจ
• มรดกด้านนวัตกรรม (Innovation Legacy) ธุรกิจครอบครัวบางแห่งมีชื่อเสียงในด้านการใช้แนวทางที่เป็นนวัตกรรมและการปรับตัวได้ดี มรดกด้านนวัตกรรมเกี่ยวข้องกับการมุ่งมั่นที่จะคงความทันสมัยอยู่เสมอโดยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และการสร้างวัฒนธรรมแห่งความคิดสร้างสรรค์
• มรดกด้านการกุศล (Philanthropic Legacy) ธุรกิจครอบครัวอาจสร้างมรดกด้านการกุศลโดยมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกิจกรรมการกุศล สนับสนุนกิจกรรมหรือโครงการทางสังคม และสร้างมูลนิธิหรือกองทุนเพื่อการกุศลที่อุทิศตนเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม

จากที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นจะเห็นได้ว่ามรดกแต่ละประเภทมีความเชื่อมโยงกัน และธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จมักพยายามผสมผสานมรดกเหล่านี้อย่างลงตัว เพื่อสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนและรอบด้านต่อธุรกิจและชุมชนโดยรวม

อย่างไรก็ตามการรักษามรดกในธุรกิจครอบครัวก็มีความท้าทายหลายประการ ทั้งการวางแผนสืบทอดกิจการ การเปลี่ยนผ่านของผู้นำ และการรักษาค่านิยมหลักจากรุ่นสู่รุ่นย่อมต้องการการจัดการอย่างรอบคอบ การหาสมดุลระหว่างนวัตกรรมและประเพณีดั้งเดิมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการส่งต่อมรดกให้เป็นไปอย่างราบรื่น เป็นต้น

ที่มา: Paul Andrews.  The Essence Of Legacy In Family Businesses. Retrieved 30 June 2024 from: https://www.familybusinessunited.com/post/the-essence-of-legacy-in-family-businesses

ข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.famz.co.th

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,008 วันที่ 11 - 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2567