*** ในจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยหนุนเช่นนี้ นอกจากเรื่องของผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 1/67 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนบริษัทราว 10% ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่เป็นบวก ก็ดูเหมือนว่ากระแสการกลับมาของ LTF ซึ่งคาดว่าอาจจะช่วยเพิ่ม Turnover ให้กับตลาดหุ้นตอบสนองเชิงบวก แม้ว่าอาจจะไม่มากจนเกินไปนัก
ขณะเดียวกัน เรื่องของหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากเงินดิจิทัล จำนวน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet น่าจะเป็นประเด็นหลักที่ยังพอจะพยุงให้ดัชนีหุ้นยังไปต่อได้ เพราะยังไม่มีความชัดเจน และความไม่ชัดเจนที่ว่านี้เองจะกลายเป็นแรงขับดันให้ตลาดหุ้นไทยได้ไปต่อ ซึ่งเจ๊เมาธ์จะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นเจ๊เมาธ์ขอแจ้งให้ทราบถึงกลุ่มเป้าหมายในโครงการ นั่นคือ ประชาชนไทย จำนวน 50 ล้านคน อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี (70,000 บาท/เดือน) หรือไม่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท เคาะเดดไลน์เกณฑ์สำหรับผู้มีเงินฝากเกิน 5 แสนบาทแล้ว ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 จะไม่เข้าเกณฑ์
โดย Digital Wallet ที่ว่าจะใช้กับสินค้าได้ทุกประเภท ยกเว้นสินค้าอบายมุข, น้ำมัน, บริการ, ออนไลน์ และ สินค้าที่กระทรวงพาณิชย์จะกำหนดเพิ่มเติม ซึ่งเมื่อคิดแล้วนักวิเคราะห์จากหลายสำนักคาดหมายว่า หุ้นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น OSP, CBG, ICHI, SAPPE, HTC และ SNNP กลุ่มค้าปลีก CPALL, CPAXT, BJC, CRC
และเป็นบวกทางอ้อมต่อกลุ่มไฟแนนซ์ จากความสามารถในการจ่ายคืนหนี้ที่เพิ่มขึ้น เช่น SAWAD TIDLOR และ MTC รวมไปถึงหุ้นในกลุ่มผู้ขายสินค้าไอที เช่น COM7 JMART และ ADVICE เป็นต้น
ประเด็นคำถามก็คือ กลุ่มคนที่ได้รับ Digital Wallet เหล่านี้จะนำเงินดิจิทัลที่ได้ไปใช้ตามวัตถุประสงค์ ที่นักวิเคราะห์ระบุเอาไว้จริงหรือไม่
อย่างแรก ในมุมมองของเจ๊เมาธ์ มองว่า กรณีของสินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง OSP, CBG, ICHI, SAPPE, HTC และ SNNP ซึ่งเจ๊เมาธ์บอกได้ว่ากลุ่มนี้เป็นสิ่งที่คนปกติทั่วไป สามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ประมาณว่าถึงแม้จะไม่ได้รับ Digital Wallet มูลค่า10,000 บาท กลุ่มผู้บริโภคที่ใช้และซื้อสินค้าเหล่านี้ก็ยังต้องซื้ออยู่ดี
ขณะเดียวกัน โดยความที่สินค้าเหล่านี้ เป็นของที่มีมูลค่าไม่สูงนัก ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องซื้อมาสะสม ประมาณว่าไม่จำเป็นต้องมีเงินหมื่นก็ซื้อ และเมื่อมีเงินหมื่นก็ไม่ได้ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งซื้ออยู่ดี
ดังนั้น เจ๊เมาธ์จึงมองว่า หุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และหุ้นกลุ่มค้าปลีก จึงยังไม่น่าจะตอบโจทย์ของการใช้ Digital Wallet อย่างที่คาดหวังเอาไว้อย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง
อย่างที่สอง เป็นเรื่องของหุ้นในกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPALL CPAXT BJC และ CRC สำหรับกลุ่มนี้ถ้าจะมองให้ลึกลงไปแล้ว ก็ถือว่าดูจะมีภาษีมากกว่ากรณีของสินค้าอุปโภคบริโภคอยู่บ้าง แต่เนื่องจากการที่กลุ่มค้าปลีกและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค มีธุรกิจมีความต่อเนื่องที่ผูกโยงกัน
ดังนั้น เมื่อสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภคไม่ตอบโจทย์การใช้ Digital Wallet ก็จะเป็นเหตุที่ทำให้เจ๊เมาธ์มองว่า ร้านค้าปลีกซึ่งเป็นแหล่งรวมของสินค้าเหล่านี้ ก็ดูเหมือนจะไม่ตอบโจทย์ของการใช้ Digital Wallet อย่างที่ควรจะเป็นเช่นกัน
อย่างที่สาม เป็นเรื่องของการจ่ายคืนหนี้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่าหุ้นกลุ่มลีสซิ่งอย่าง SAWAD TIDLOR และ MTC อาจจะได้รับอานิสงส์จาก Digital Wallet มูลค่า10,000 บาท ในทางตรงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจำนวนเงินเพียงแค่ 10,000 บาทนี้อาจจะน้อยเกินไป ในการแบ่งชำระหนี้ของประชาชนในบางกลุ่ม
ขณะเดียวกัน การได้รับ Digital Wallet มูลค่า10,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนที่อาจสามารถตอบสนอง “ความอยาก” หรือ ความต้องการซื้อในสิ่งที่อยากได้มากกว่า ที่จะถูกนำไปใช้ในสิ่งที่จะต้องทำเป็นปกติอยู่แล้วเช่น “การชำระหนี้”
ดังนั้น เจ๊เมาธ์ จึงมองว่าถึงแม้กลุ่มลีสซิ่งจะเป็นหุ้นที่ได้อานิสงส์จาก Digital Wallet มากกว่า “กลุ่มค้าปลีก” และ “สินค้าอุปโภคบริโภค” แต่ก็น่าจะยังไม่ถึงที่สุดของการตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนที่ได้รับ Digital Wallet อยู่ดี
ท้ายที่สุด คือ หุ้นในกลุ่มผู้ขายสินค้าไอที เช่น COM7 JMART และ ADVICE ซึ่งสำหรับกลุ่มนี้ถึงแม้ในข้อกำหนดของการใช้ Digital Wallet จะไม่ได้ระบุว่าใช้ได้หรือไม่ ...แต่ก็ไม่ได้ห้ามเอาไว้
ดังนั้น เจ๊เมาธ์จึงมองว่าด้วยจำนวนเงิน 10,000 บาท ที่ได้มาจาก Digital Wallet หรือไม่ ก็เพิ่มเงินเข้าไปอีกหน่อยก็ดูเหมือนว่าจะลงตัวกับราคาซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ ซึ่งเป็นไปในลักษณะของการตอบสนอง “ความอยาก” ซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานทางจิตใจที่จะทำให้ตนดูดีมากขึ้นของ “คนทั่วไป” มากกว่าการที่จะต้อง “ทำตามหน้าที่” เช่น การใช้หนี้ หรือ การซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งปกติก็ทำกันอยู่แล้ว
ดังนั้น เจ๊เมาธ์กล้าที่จะฟันธงไปเลยว่าถ้าหาก Digital Wallet มูลค่า 10,000 บาท สามารถนำไปซื้อ “โทรศัพท์มือถือ หรือ สินค้าไอที” ซึ่งอาจส่งเสริมภาพลักษณ์ทางสังคมได้ ก็แน่ใจได้เลยว่าหุ้นกลุ่มผู้ขายสินค้าไอที เช่น JMART COM7 และ ADVICE จะเป็นกลุ่มที่ได้อานิสงส์จาก Digital Wallet มากกว่าหุ้นกลุ่มใดทั้งสิ้นแน่นอนค่ะ