*** แม้เจ๊เมาธ์จะไม่บอก...แต่เจ๊ก็คิดว่าแฟนคลับของเจ๊ จะรู้ว่าการที่บอร์ดของ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JAS มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนในราคาหุ้นละ 5 บาทต่อหุ้น โดยจะเปิดให้ผู้ถือหุ้นแสดงเจตนาขายหุ้นคืนให้กับ JAS ระหว่างวันที่ 25 มิ.ย.-23 ก.ค. 67 พร้อมทั้งอนุมัติหลักการในการออกวอแรนท์ตัวใหม่ (JAS-W4) แก่ผู้ถือหุ้น สำหรับผู้ถือหุ้นที่ไม่ต้องการขายหุ้นคืนในการอัตรา 2 หุ้นต่อ 1 หน่วยวอแรนท์ ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาซื้อขายได้ไม่เกินกลางเดือนตุลาคม 2567 คือ สัญญาณที่บอกเป็นนัยว่า เกมการเงินครั้งใหม่ของ “พิชญ์ โพธารามิก” ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วจาก “3 กลยุทธ์” หลักดังนี้
กลยุทธ์แรก คือ การ “ซื้อหุ้นคืน” จำนวนไม่เกิน 300,748,563 หุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาทต่อหุ้น ซึ่งด้วยเงินเพียง 1,504 ล้านบาท แต่กลับส่งผลให้ราคาหุ้นของปรับเพิ่มขึ้นมาถึง 70% คิดเป็นมูลค่าทางการตลาดของ JAS ให้ปรับเพิ่มสูงขึ้นมาถึง 1.2 หมื่นล้านบาท ในเวลาเพียงเดือนเดียว ไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม
กลยุทธ์ที่สอง คือ การแจก JAS-W4 ถือเป็นการ “ชดเชย” รวมไปถึงเป็นการสร้างทางเลือกให้กับผู้ถือหุ้น ที่ไม่สามารถขายหุ้นคืนให้กับบริษัทได้ เนื่องจากหุ้นที่ประกาศรับซื้อคืนมีปริมาณเพียง 3.5% ของปริมาณหุ้นที่มีทั้งหมด ซึ่งวอแรนท์นี้นอกจะทำให้ผู้ถือหุ้นไม่ตัดใจขายหุ้นทิ้งเพราะขายไม่ทัน ก็ยังจะสามารถเอามาต่อยอดเป็นเกมเล่นราคาหุ้นในอนาคตทั้ง JAS และ JAS-W4 ได้อีกยาว
กลยุทธ์ที่สาม ก็คือ การที่ทาง JAS จะใช้เงินเพียง 1.5 พันล้านบาทมาซื้อหุ้นคืน จากเงินที่มีอยู่ในมือจำนวน 19,837 ล้านบาท (เงินที่เหลือมาจากการ “งดจ่ายปันผล” เงินส่วนที่เหลือจากการขายหุ้นของ บมจ. ทริปเปิลที บรอดแบนด์ และหน่วยลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน) ทำให้ JAS ยังมีเงินเหลืออยู่ในมืออีกกว่า 1.7 หมื่นล้าน ซึ่งมากพอที่ JAS จะเอาไปต่อยอดธุรกิจหรือเอาไปทำอย่างอื่นได้อีกมาก
ท้ายที่สุดคำถามก็คือ "พิชญ์ โพธารามิก" ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 4,572,490,483 หุ้น หรือ 53.21% จะขายหุ้นคืนในราคาหุ้นละ 5 บาท หรือ เลือกที่จะรับ JAS-W4 กันแน่...???
เอาเป็นว่าโดยส่วนตัวเจ๊เมาธ์มองว่า จำนวนหุ้น 4,572,490,483 หุ้น ที่ "พิชญ์ โพธารามิก" ถืออยู่มีมากกว่าหุ้นที่ JAS ประกาศซื้อคืนจำนวน 300 ล้านหุ้น อยู่มาก และด้วยจำนวนหุ้นที่มีอยู่ หาก "พิชญ์ “ เลือกที่จะรับเอาวอแรนท์ฟรี ก็จะได้ JAS-W4 มากถึง 2,286.245 ล้านหน่วย
ขณะที่ราคาใช้สิทธิ์วอแรนท์อยู่ที่ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคา 3 บาทต่อหุ้น และเมื่อมองไปที่ราคารับซื้อคืนที่ 5 บาทต่อหุ้น ซึ่งต่อไปนี้จะกลายเป็นราคาทางจิตวิทยาของหุ้นตัวนี้ ก็อาจจะทำให้วอแรนท์ชุดใหม่ (JAS-W4) ตัวนี้อาจมีราคาที่สุงได้ถึง 2 บาท ต่อ 1 หน่วย ซึ่งหากคิดเป็นตัวเงินในเบื้องต้น ก็อาจจะสูงได้ถึง 4.5 พันล้านบาท โดยที่ในฝั่งของ "พิชญ์ โพธารามิก" ไม่จำเป็นต้องทำอะไร
หากราคาหุ้นของ JAS สามารถยืนอยู่ที่ราคา 5 บาทต่อหุ้นได้จริงก็จะทำให้ "พิชญ์” มีมูลค่าหุ้นของ JAS ปรับเพิ่มขึ้นไปอีกถึง 7.2 พันล้านบาท เมื่อเทียบจากราคาหุ้นหน้ากระดาน 3.40 บาท ในปัจจุบัน และนั้นก็จะหมายความว่า "พิชญ์” จะรวยขึ้นได้อีกมากกว่า “หมื่นล้านบาท” เลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน...หากว่า ที่ "พิชญ์ โพธารามิก" ที่นั่งอยู่ข้างหลังในฐานผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือ JAS ในฐานะบริษัทเพียงแค่บริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นของเหลือหลังจากที่ขายสินทรัพย์ส่วนใหญ่ออกไปแล้ว รวมไปถึงเงินสด 1.7 หมื่นล้านที่เหลืออยู่ให้มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงบริหารจัดการเกม ทั้งในส่วนของเกมข่าวสาร และการเงินให้ดีก็ไม่แน่ว่ามูลค่าของทั้ง JAS ซึ่งเป็นหุ้นแม่ และ JAS-W4 ที่เป็นหุ้นลูกอาจจะสร้าง “ความรวย” ให้กับ "พิชญ์” และผู้ถือหุ้นที่กล้าถือยาวได้อีกไม่น้อย
ถึงว่า...เกมการเงินมันก็ดีแบบนี้นี่เองเจ้าค่ะ อิอิอิ