กาสิโนถูกกฎหมาย..หุ้นตัวไหนน่าสน!!!

22 ต.ค. 2567 | 23:30 น.

กาสิโนถูกกฎหมาย..หุ้นตัวไหนน่าสน!!! : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย..เจ๊เมาธ์ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4038

*** ภายหลังรัฐบาลของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 เตรียมผลักดันนโยบายในการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศ โดยมีความชัดเจนว่า ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เป็นส่วนหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในนโยบายที่ว่า และเนื่องจากมูลค่าการลงทุนในโครงการสถานบันเทิงครบวงจร จำเป็นที่จะต้องใช้เงินลงทุนหลายหมื่นถึงหลายแสนล้านบาท ดังนั้น จึงเกิดคำถามขึ้นมาในหมู่ของนักลงทุนว่า หุ้นกลุ่มใดที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุด จากโครงการธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่ว่านี้

อย่างแรก ที่ต้องรู้กันก่อนก็คือ รายชื่อของผู้เล่นที่เริ่มโผล่ขึ้นมาว่าสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจนี้หลักๆ ปรากฏชื่อขึ้นมาแล้ว 3 ราย 

รายแรกคือ “ราชตฤณมัยสมาคมฯ” ซึ่งประกาศตัวชัดเจนว่าได้เตรียมเงินลงทุนเอาไว้แล้วกว่า 2 แสนล้านบาท โดยโฟกัสไปที่ธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย สนามม้า โรงแรม 6 ดาว สนามกอล์ฟ ยอชต์คลับ ภัตตาคารหรู โรงพยาบาล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ศูนย์การเรียนรู้ รวมถึงกิจกรรมกีฬาและบันเทิงอื่นๆ 

ทั้งนี้ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า “ราชตฤณมัยสมาคมฯ” เป็นองค์กรที่มีความชำนาญในด้านนี้เป็นพิเศษอยู่แล้ว ดังนั้น “ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร” จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับราชตฤณมัยสมาคมฯ แต่อย่างใด

รายที่สอง คือ บมจ.วีจีไอ หรือ VGI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่ม BTS ของ “คีรี กาญจนพาสน์” ซึ่งล่าสุดได้มีการเพิ่มทุนผ่าน 4 กองทุน มูลค่ารวมกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท โดยข่าวว่ามีทุนหลักมาจาก “ดูไบ” แม้ข่าวเบื้องต้นจะระบุว่า เป็นการเพิ่มทุนเพื่อธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) แต่ก็มีข่าวออกมาว่าทาง VGI ก็ได้มีการเตรียมตัวสำหรับธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางกลุ่ม BTS ได้เข้าลงทุนร่วมพันธมิตรอย่างกลุ่ม BA และ STEC ใน

โครงการจัดตั้ง บริษัทร่วมทุน UTB เมื่อ ปี 65 เพื่อพัฒนาโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งถูกคาดหมายว่าจะพัฒนาขึ้นมา เพื่อรองรับธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรนั่นเอง

รายที่สาม คือ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT ที่ถึงแม้จะไม่มีข่าวยืนยันออกมาชัดเจนว่า MCOT ตั้งใจจริงจังที่จะลงทุนในธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร แต่ข่าวลือนอกตลาดฯ ที่ส่งผลให้ราคาหุ้นของ MCOT ปรับขึ้นมาเกือบ 300% รวมไปถึงข่าวที่ว่าบริษัทอยู่ระหว่างกระบวนการ ศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำ (ร่าง) โครงการพัฒนาที่ดิน 50 ไร่ ฝ่ายบริหาร รวมไปถึงการที่ทาง MCOT มีกระทรวงการคลัง และ ธนาคารออมสิน เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็ทำให้ข่าวลือที่ว่ามีโอกาสจะทำได้  

อย่างไรก็ตาม...หากมองในแง่ของความเป็นจริง ในมุมมองของเจ๊เมาธ์ กรณีของ MCOT ถือว่าเป็นไปได้ยากมากถึงยากที่สุด เพราะที่ดินเพียง 50 ไร่ยังถือว่าน้อยเกินไป  

นอกจาก 3 กลุ่มธุรกิจที่เจ๊เมาธ์ว่ามาแล้ว ยังมีกลุ่มธุรกิจ ซึ่งมีฐานทุนใหญ่แต่ยังไม่ออกตัว เช่น บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBK ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มสยามพิวรรธน์ กลุ่มบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รวมไปถึงกลุ่มบริษัทในเครือซีพี ซึ่งก็แน่นอนว่ามีเงินทุนและเครือข่ายทางธุรกิจ ที่พร้อมจะลุยได้ทุกเวลาเช่นกัน 

อย่างไรก็ตาม “ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร” ไม่ได้มีเพียงแค่การตั้งกาสิโนถูกกฎหมาย ตามที่หลายคนมองเห็น แต่ถือได้ว่าเป็นโครงการ Mixed Use ที่รวมเอาธุรกิจหลายอย่างรวมเข้าไว้ในพื้นที่เดียวกัน ดังนั้น จึงไม่จำกัดอยู่เพียงแค่ในกลุ่มบริษัทที่เตรียมลงทุน “ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร” ที่กล่าวมาเพียงอย่างเดียว เพราะยังมีธุรกิจอื่นไม่ว่าจะเป็น 

• หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่จะมีโอกาสจาก Mega Projects ขนาดใหญ่ เช่น CK, STEC 

• หุ้นธนาคารที่คาดมีการปล่อยสินเชื่อขนาดใหญ่สนับสนุนโครงการ อาทิ BBL, KBANK, KTB

• หุ้นกลุ่มสื่อ เช่น GRAMMY, ONEE, RS, WORK, VGI 

• หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เช่น CENTEL, ERW, MINT

• หุ้นกลุ่มบริการ เน้น AOT, MINT, BDMS 

ถึงแม้เจ๊เมาธ์จะเชื่อว่า ถ้าหากธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) สามารถเกิดขึ้นได้จริง จะมีอีกหลายบริษัทและหลายธุรกิจ ที่จะได้รับอานิสงส์ ทั้งในทางตรง และทางอ้อม 

รวมไปถึงเจ๊เมาธ์ยังเชื่อว่า จะมีธุรกิจเกิดใหม่ตามมาอีกมาก แต่เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจนี้จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสและรอบคอบ รวมไปถึงว่าแผนป้องกันผลกระทบ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นตามมาในอนาคตเอาไว้ อย่ามองแค่เพียงมุมที่จะได้มุมเดียวนะคะ  

เมื่อเหรียญมีสองด้าน...ในสิ่งที่คิดว่าดีก็ต้องมีมุมมืดที่ซ่อนเอาไว้เช่นเดียวกันค่ะ