*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,913 ระหว่างวันที่ 13-16 ส.ค. 2566 “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย
*** คืบหน้าไปตามลำดับสำหรับการจัดตั้ง “รัฐบาลเพื่อไทย” หลังจากเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2566 ได้แถลงข่าวร่วมจับมือกับ พรรคภูมิใจไทย เริ่มต้นที่ 212 เสียง ( พท. 141 + ภท. 71) ถัดมาวันที่ 8 ส.ค. 2566 แถลงเปิดตัวพรรคร่วมรัฐบาลอีก 6 พรรค 16 เสียง ประกอบด้วย ประชาชาติ 9 เสียง, ชาติพัฒนากล้า 2 เสียง, เพื่อไทรวมพลัง 1 เสียง, เสรีรวมไทย 1 เสียง, พลังสังคมใหม่ 1 เสียง และ พลังท้องที่ไทย 1 เสียง รวมเป็น 228 เสียง ขณะที่วันที่ 10 ส.ค. ก็ได้เปิดตัว พรรคชาติไทยพัฒนา อีก 10 เสียง เบื้องต้นทำให้มี 9 พรรค 238 เสียง ในการร่วมรัฐบาล
*** แต่แค่ 238 เสียง ยังไม่เพียงพอ หากจะเป็น “รัฐบาลเสียงข้างมาก” ต้องมีเสียงสนับสนุนรวมอย่างต่ำ 250 เสียง ดังนั้น พรรคเพื่อไทยต้องหาเสียง ส.ส.สนับสนุนอีกอย่างน้อย 12 เสียง ดูๆ แล้ว อย่างไรเสียก็ต้องพึ่ง “พรรค 2 ลุง” ถึงจะทำให้มีเสียง ส.ส.เกิน 250 เสียง ซึ่งพรรคที่จะถูกเชิญเข้าร่วมรัฐบาลด้วย น่าจะเป็น พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ของ ลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มี 40 เสียง มากกว่าจะเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง ของ ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แม้จะวางมือการเมืองไปแล้ว
*** เหตุที่พรรคเพื่อไทย ไม่อาจเชิญ รวมไทยสร้างชาติ เข้าร่วมรัฐบาล ว่ากันว่า เป็นเพราะเป็นพรรคที่มี กปปส. อยู่ร่วมด้วย ซึ่งในอดีตเป็นที่ทราบกันดีว่า กปปส. ก่อกำเนิดขึ้นมาเพื่อต่อต้านการนิรโทษกรรมสุดซอย นำไปสู่การขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ...ดังนั้น เมื่อมีการดึง พลังประชารัฐ เข้าร่วม สมมติมากันทั้งพรรค 40 เสียง ก็จะทำให้ “รัฐบาลเพื่อไทย” มีส.ส.รวม 278 เสียง เกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร (500 เสียง) ทำให้มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล และเสนอคนที่จะเป็นนายกฯ ในรัฐสภาได้
*** อย่างไรก็ตาม แม้จะรวมเสียง ส.ส. ได้ 278 เสียง แต่ก็ยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งของ 2 สภา คือ 376 เสียง (ส.ส. 500 + ส.ว. 250) ซึ่งการได้พรรคพลังประชารัฐ มาร่วมรัฐบาล ย่อมมีโอกาสที่ “ส.ว.สายลุงป้อม” ที่คาดว่ามีอยู่ 100 เสียง จะเทคะแนนโหวตให้กับนายกฯ คนที่พรรคเพื่อไทยเสนอได้
สมมติรัฐบาลมี ส.ส. 278 เมื่อได้ ส.ว. 100 คน มาสนับสนุน ก็จะรวมมีเสียงสนับสนุนการโหวตนายกฯ เป็น 378 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของ 2 สภามา 2 เสียง ถือว่าเพียงพอในการตั้งนายกฯ แล้ว แต่ก็อาจจะมี “งูเห่า” 8 เสียง (กลุ่มสุชาติ ชมกลิ่น) จากพรรครวมไทยสร้างชาติ มาโหวตสนับสนุนนายกฯ ร่วมด้วยก็ได้ ซึ่งก็อาจกลายเป็นรัฐบาล 286 เสียง นี่ยังไม่รวมอาจจะมี “งูเห่า” จากพรรคประชาธิปัตย์ (21-22 เสียง) มาสนับสนุนด้วยก็ได้...ดูๆ แล้วจากประสบการณ์ของ “แกนนำพรรคเพื่อไทย” เชื่อว่าจะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ประสบความสำเร็จแน่นอน
*** ทีนี้หันไปดูใครจะได้เป็น “นายกฯ คนที่ 30” พรรคเพื่อไทย มีแคนดิเดตนายกฯ อยู่ 3 คน ประกอบด้วย อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลำดับที่ 1 เศรษฐา ทวีสิน ลำดับที่ 2 และ ชัยเกษม นิติสิริ ลำดับที่ 3 ...สถานการณ์ตอนนี้ เศรษฐา ทวีสิน ท่าจะลำบากเริ่มมี “มลทิน” หลังจากเจอ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลต่าง ๆ ขณะเป็นผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ไม่รู้ว่า “สมาชิกรัฐสภา” จะโหวตสนับสนุนให้เป็นนายกฯ หรือไม่
*** สมมติ เศรษฐา ไม่ผ่าน ก็ต้องไปดูว่า ทักษิณ ชินวัตร จะกล้าส่งบุตรสาว “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร” เสนอตัวชิงนายกฯ หรือไม่ ถ้าไม่กล้า ตำแหน่งนายกฯ คนที่ 3 ก็อาจหล่นใส่ ชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม และ อดีตอัยการสูงสูด ก็เป็นไปได้ ใครจะไปรู้...