เปิดแนวนโยบายรัฐบาลใหม่ 1 กระตุ้น 3 เร่งด่วน 3 สร้าง

คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,918 ระหว่างวันที่ 31 ส.ค. – 2 ก.ย. 2566 “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย

*** ใกล้ได้เห็นโฉมหน้า “ครม.เศรษฐา 1” กันแล้ว ตามไทม์ไลน์หลังจาก ได้ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ คนที่ 30 แล้ว ภายในสัปดาห์นี้ หรือต้นสัปดาห์หน้า คงได้เห็นหน้าตา ครม. อย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นเหลือขั้นสำคัญ คือ การแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดย “รัฐบาลเพื่อไทย” จะปฏิบัติงานได้ราวปลายเดือน ก.ย. 2566

***  เบื้องต้นโผโฉมหน้า “รมต.ด้านเศรษฐกิจ” ซึ่งเป็นความหวังของประชาชนที่อยากให้ยกเรื่องเศรษฐกิจเป็นปัญหาเร่งด่วนในการแก้ไข จะประกอบไปด้วย เศรษฐา ทวีสิน ที่นอกจากจะเป็นนายกฯ แล้ว ยังจะนั่งควบเก้าอี้ รมว.คลัง โดยมี กฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง และ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็น รมช.คลัง , ภูมิธรรม เวชยชัย จะเป็นรองนายกฯ ควบ รมว.พาณิชย์,  สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็น รมว.คมนาคม, สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล เป็นรมว.ท่องเที่ยว, ประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส), ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์, พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงาน, พิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็น รมว.แรงงาน, ปานปรีย์ พหิทธานุกร เป็น รองนายกฯ ควบ รมว.การต่างประเทศ

*** ระหว่างนี้ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาล ได้รวบรวมนโยบายพรรค และเตรียมหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อจัดทำเป็นนโยบายรัฐบาล โดยวางกรอบไว้เบื้องต้น ประกอบด้วย “1 กระตุ้น 3 เร่งด่วน 3 สร้าง” ดังนี้

1 กระตุ้น คือ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในประเทศ ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล “Digital wallet 10,000 บาท” ที่เพื่อไทยเคยประกาศไว้ วางกรอบไว้จะใช้ได้ต้นปี 2567, 3 เร่งด่วน ประกอบด้วย เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ เร่งแก้หนี้ให้ประชาชน และเร่งแก้ไขราคาพลังงาน, 3 สร้าง ประกอบด้วย สร้างรายได้ สร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

*** นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ว่าที่เลขาธิการนายกฯ แกนนำพรรคเพื่อไทย อธิบายว่า การสร้างรายได้ จะมาจาก การท่องเที่ยว การค้า การลงทุน เปิดประตูการค้า เพื่อการส่งออก สร้างตลาดใหม่ เปิดเอฟทีเอ เปิดประตูสู่ท่องเที่ยว ที่มีอุปสรรคเรื่องวีซ่า จะเร่งจัดการโดยเร็วที่สุด และมุ่งเน้น ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มอีก 3 เท่า การสร้างรายได้จากท่องเที่ยวเป็นรายได้ที่เร็วที่สุด  เปิดท่อขยายท่องเที่ยวให้เร็วขึ้น เร่งเจรจาต่างประเทศ เช่น จีน อินเดีย ลดเงื่อนไขในเรื่องวีซ่า ให้เข้าประเทศง่ายขึ้น 

จัดการคอคอดเรื่องสนามบิน ตรวจคนเข้าเมือง หาโอกาสตลาดใหม่ๆ เช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้ เป็นต้น สร้างรายได้จากการค้า ลงทุน ส่งเสริมเจรจาการค้าและการลงทุน ต้องทำให้การค้าเติบโตรวดเร็วขึ้นด้วยการเจรจาและเปิดตลาดใหม่ๆ โดยกระทรวงต่างๆไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ต้องมาทำงานร่วมกันหมด

ส่วนการสร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำ ให้โฉนดที่ดินแก่เกษตรกร ตั้งเป้าว่าสามารถทำได้ถึง 50 ล้านไร่ ที่ดิน ส.ค.1  ประมาณ 1 ล้านราย ที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นโฉนดได้ ยังค้างอยู่  2.5 แสนราย  คาดว่าปีแรกจะทำได้เสร็จ  

*** สำหรับนโยบายรัฐบาลใหม่ วางเวลาไว้ เป็น 3 ระยะ คือ นโยบาย 100 วันแรก 24 นโยบาย ที่ต้องทำเร็ว แบ่งเป็น 4 ระยะ ระยะแรก หรือนโยบายควิกวิน ทำได้เลย หวังผลทันที คือ พักหนี้ ลดพลังงาน น้ำมันไฟฟ้า ระยะสอง คือนโยบายที่เริ่มภายในปี 2566 ระยะสาม คือ นโยบายที่เริ่มภายในปี 2567 กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 ก็จะอยู่ในระยะนี้ พอถึงปี 2570 จะเริ่มได้เห็นความเปลี่ยนแปลง 

*** ส่วนความกังวลเรื่องการเป็น “รัฐบาลผสม” ถึง 11 พรรค อาจจะมีปัญหาในการทำงานร่วมกันนั้น โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้น มีคำอธิบายว่า  วิธีคิด และบริหารจัดการเรื่องกลุ่มกระทรวงเศรษฐกิจในบริบทรัฐบาลยุคดิจิทัลต่างจากอดีต เมื่อ “เพื่อไทย” ยึดกระทรวงหลักเศรษฐกิจ “คลัง” ตำแหน่ง รมว.-รมช.จะอยู่ในโควตาเพื่อไทยทั้งหมด 

ขณะที่กระทรวงดีอี เป็นกลไกในยุคดิจิทัล เป็นอนาคต คลัง และ ดิจิทัล จะเป็นกระทรวงที่สร้างให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ดันจีดีพี การเก็บภาษี มาลงทุนในอินฟาสตรักเจอร์ ซึ่งก็โยงมายังกระทรวงคมนาคม พาณิชย์ เรื่องการค้าระหว่างประเทศ และการส่งออก เป็นการหารายได้ 

สำหรับกระทรวงอุตสาหกรรมไม่ได้เป็นโควตาเพื่อไทย แต่งานส่วนหนึ่งต้องเกี่ยวข้อง ทั้ง บีโอไอ สภาพัฒน์ สำนักงบประมาณ ล้วนอยู่ภายใต้ทำเนียบรัฐบาล จึงไร้ปัญหา 
เช่นเดียวกับกระทรวงการต่างประเทศ ที่อยู่กับเพื่อไทย แต่ยุคปัจจุบันที่บริบทโลกเปลี่ยน จีโอโพลิติกต้องเป็นกลไก สร้างความสัมพันธ์ทั้งการค้า ความมั่นคง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ...มารอดูฝีมือ “รัฐบาลเพื่อไทย” ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจกัน...