กคช.เร่งผุด‘เมืองร่มเกล้า’ ศูนย์เศรษฐกิจ‘ที่อยู่อาศัย-นวัตกรรม’รับคนรุ่นใหม่

14 ธ.ค. 2560 | 05:40 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ธ.ค. 2560 | 12:40 น.
การเคหะแห่งชาติเร่งผลักดันโครงการที่อยู่อาศัย “ศูนย์เศรษฐกิจเมืองร่มเกล้า” วางแผนพัฒนาให้เป็นศูนย์เศรษฐกิจนวัตกรรมพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ นำโมเดล “เอ้ก เจแปน” สร้างสตาร์ตอัพ

นายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า การเคหะแห่งชาติมอบหมายให้บริษัท พิพิธภัณฑ์เอเชีย จำกัด ดำเนินงานวิจัย “โครงการศึกษาแนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง” ซึ่งได้คัดเลือกพื้นที่ของการเคหะฯบริเวณรอบสถานีรถไฟลาดกระบัง บริเวณถนนกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า เป็นพื้นที่นำร่อง เพื่อจัดทำผังแม่บทภายใต้ชื่อ “ศูนย์เศรษฐกิจเมืองร่มเกล้า” โดยมุ่งพัฒนาให้เป็นเมืองของคนรุ่นใหม่ เมืองธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และเมืองที่อยู่อาศัย

tatpol โดยศูนย์เศรษฐกิจเมืองร่มเกล้ามีความสมบูรณ์ ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานการค้าระหว่างประเทศ การค้าปลีก การประชุม การมีพื้นที่โคเวิร์กกิ้ง สเปซ การจัดแสดงสินค้า และการบริการ รวมถึงมีระบบขนส่งมวลชนที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟความเร็วสูง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ศูนย์เศรษฐกิจกรุงเทพมหานคร และศูนย์เศรษฐ กิจอุตสาหกรรมพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก

“ขณะนี้ผลศึกษาสรุปออกมาแล้ว เมืองร่มเกล้าจะเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ จะเป็นเมืองจักรยาน บ้านและที่ทำงานอยู่ไม่ไกลกัน สามารถเดินทางด้วยจักรยานได้ นอกจากนี้วางแผนจะดึงกลุ่มสตาร์ตอัพ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่จากสถาบันการศึกษาที่อยู่ใกล้โครงการ เช่น นิด้า และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เพราะเรามีพื้นที่โคเวิร์กกิ้ง สเปซ ขณะเดียวกันจะดึงบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียงมาเปิด และเป็นพี่เลี้ยงให้กับกลุ่มสตาร์ตอัพ ซึ่งเป็นโมเดลที่ไปเห็นจากญี่ปุ่นเรียก เอ้ก เจแปน (Egg Japan) ถ้าทำได้ธุรกิจ สตาร์ตอัพก็จะเกิดเป็นรูปธรรม” ผู้ว่าการ กคช.กล่าวและเสริมว่า

MP30-3321-1A “เขียนรูปแบบ และผังโครงการเรียบร้อยแล้ว ด้านการดำเนินการมีกลุ่มเอกชนที่สนใจติดต่อมา ซึ่งก็มีแนวคิดใกล้เคียงกับผม อยากทำในแนวเดียวกัน ถ้าสามารถไปด้วยกันได้ ก็เดินหน้าลุย โครงการนี้มีเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ รองรับคนได้หลายแสนคน”

ทั้งนี้ การออกแบบโครงการได้นำเกณฑ์การเติบโตอย่างชาญฉลาด (Smart Growth Principles) มาใช้ในการออกแบบยุทธศาสตร์เศรษฐกิจบทบาทของพื้นที่ รวมถึงระบบการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และระบบการเชื่อมโยงทางกายภาพสำหรับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่โดยใช้เกณฑ์ย่อยในการออกแบบโครงการซึ่งได้แก่ เกณฑ์การพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (Transit-Oriented Development Principles) แนวคิดการพัฒนาพื้นที่รอบท่าอากาศยาน (Airport-Oriented Development Concept) เกณฑ์ความเป็นผู้นำการออกแบบพลังงานและสภาพแวดล้อมระดับย่าน (LEED-ND) และกฎหมายผังเมือง(Form-Based Codes)

วิทยุพลังงาน รวมทั้งการใช้แนวคิดในการออกแบบการบริหารจัดการทางการเงินที่ให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุนตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนกิจการของภาครัฐ (PPP)พ.ศ.2556 ซึ่งจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการลงทุนโครงการศูนย์เศรษฐกิจ โดยจะใช้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ประเภทกองทรัพย์สินที่เรียก REIT หรือ Real Estate Investment Trust เป็นเครื่องมือระดมทุนเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และการบริหารจัดการโครงการ เพื่อสร้างมูลค่าทรัพย์สินแก่การเคหะแห่งชาติในระยะยาวและลดภาระการลงทุนทางตรง พร้อมมุ่งสู่เมืองที่รักษาสิ่งแวดล้อมโดยลดการปล่อยมลพิษและลดการใช้พลังงานด้วยการออกแบบอาคารขนาดใหญ่ที่ต้องได้รับมาตรฐานอาคารเขียว การออกแบบให้ถนนมีแนวต้นไม้ใหญ่ไม่น้อยกว่า 8% รวมถึงการออกแบบสวนสาธารณะขนาดต่างๆ เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึง เป็นต้นโดยจะนำแผนแม่บทที่ได้ไปพัฒนาโครงการในรูปแบบ mixed-use ของการเคหะแห่งชาติต่อไปในอนาคต

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,321 วันที่ 10 - 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว