คอลัมน์ทางออกนอกตำรา ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3499 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 25-28 ส.ค.2562 โดย... บากบั่น บุญเลิศ
สัญญา 'ไฮสปีด 3 สนามบิน'
ประวัติศาสตร์การประมูล (8)
โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) วงเงิน 224,544 ล้านบาท นับเป็นประวัติศาสตร์การประมูลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลไทยที่มีความล่าช้าในการลงนามเซ็นสัญญายาวนานที่สุด บัดนี้เป็นเวลากว่า 7-8 เดือนเข้าไปแล้ว แต่ “รัฐ” ยังไม่มีการลงนามเซ็นสัญญากับเอกชนผู้ชนะการประมูลคือกลุ่มซีพีแต่อย่างใด
อะไรคือต้นตอปัญหาของความล่าช้า ทำไมยื้อยุดฉุดกระชากสัญญามายาวนานขนาดนี้
สัญญาที่ติดขัดตรงไหน มาติดตามร่างสัญญาตอนที่ 8 ว่าด้วยเรื่องเงื่อนไขการดำเนินโครงการซึ่งในตอนที่แล้วได้ทิ้งปมไว้ในเรื่อง กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ใช้ในแอร์พอร์ต เรลลิงค์ของโครงการรถไฟความเร็วสูง
(2) ทรัพย์สินอื่นนอกเหนือจากทรัพย์สินที่เป็นสาระสำคัญ
ณ ขณะที่มีการให้สิทธิเอกชนร่วมลงทุนในแอร์พอร์ต เรลลิงค์ รฟท. มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินอื่นนอกเหนือจากทรัพย์สินที่เป็นสาระสำคัญที่ใช้ในแอร์พอร์ต เรลลิงค์ โดย รฟท. จะส่งมอบสิทธิครอบครองทรัพย์สินนั้นให้แก่เอกชนคู่สัญญา เพื่อใช้สำหรับการดำเนินโครงการเกี่ยวกับรถไฟเว้นแต่กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาร่วมลงทุน หากเอกชนคู่สัญญามีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินอื่นนอกเหนือจากทรัพย์สินที่เป็นสาระสำคัญที่ใช้ในแอร์พอร์ต เรลลิงค์
โดยเอกชนคู่สัญญามีหน้าที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวซึ่งเป็นทรัพย์สินที่สามารถรับโอนได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งดังต่อไปนี้
(ก) กรณีครบระยะเวลาของโครงการฯ เอกชนคู่สัญญามีหน้าที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่ รฟท. ภายในช่วงระยะเวลาเตรียมการส่งมอบทรัพย์สินที่ใช้ในโครงการฯโดย รฟท. ไม่ต้องชำระค่าตอบแทนใด ๆ ให้แก่เอกชนคู่สัญญา และเอกชนคู่สัญญาจะเตรียมการโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบการครอบครองในทรัพย์สินดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อ 31.1
(ข) กรณีสัญญาร่วมลงทุนสิ้นสุดลงก่อนครบระยะเวลาของโครงการฯ เอกชนคู่สัญญามีหน้าที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่ รฟท. ภายในช่วงระยะเวลาเตรียมการส่งมอบทรัพย์สินที่ใช้ในโครงการฯ
โดย รฟท. จะชำระค่าตอบแทนให้แก่เอกชนคู่สัญญาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อ 30.2 โดยเอกชนคู่สัญญาจะเตรียมการโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบการครอบครองในทรัพย์สินดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อ 31.1
7.3 กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ใช้ในแอร์พอร์ต เรลลิงค์ส่วนต่อขยาย
(1) ทรัพย์สินที่เป็นสาระสำคัญ
ในช่วงระยะเวลาของงานในระยะที่ 1 ในส่วนของแอร์พอร์ต เรลลิงค์ส่วนต่อขยายตามที่กำหนดไว้ในข้อ 5.2(2)(ก) เอกชนคู่สัญญามีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เป็นสาระสำคัญ ที่ใช้ในแอร์พอร์ต เรลลิงค์ส่วนต่อขยายโดยเอกชนคู่สัญญามีหน้าที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าว รวมถึงงานโยธาร่วมของโครงการเกี่ยวกับรถไฟ ให้แก่ รฟท. ภายในวันที่เริ่มระยะเวลาของงานในระยะที่ 2 ในส่วนของแอร์พอร์ต เรลลิงค์ส่วนต่อขยายตามที่กำหนดไว้ในข้อ 5.2(2)(ข)
โดย รฟท. ไม่ต้องชำระค่าตอบแทนใด ๆ ให้แก่เอกชนคู่สัญญา (Build-Operate -Transfer : BOT) โดยเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เป็นสาระสำคัญให้แก่ รฟท. แล้ว รฟท. จะส่งมอบสิทธิครอบครองในทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่เอกชนคู่สัญญา เพื่อใช้สำหรับการดำเนินงานในระยะที่ 2 ในส่วนแอร์พอร์ต เรลลิงค์ส่วนต่อขยาย ในวันที่เริ่มระยะเวลางานในระยะที่ 2 ในส่วนของแอร์พอร์ต เรลลิงค์ส่วนต่อขยาย
นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาของงานในระยะที่ 2 ในส่วนของแอร์พอร์ต เรลลิงค์ส่วนต่อขยายตามที่กำหนดไว้ในข้อ 5.2(2)(ข) หากเอกชนคู่สัญญาดำเนินงานการออกแบบและงานการก่อสร้าง หรือจัดหาทรัพย์สินที่เป็นสาระสำคัญมาเพิ่มเติม รวมถึงงานระบบเครื่องกลและไฟฟ้าและขบวนรถไฟ และทางเชื่อมกับอาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เอกชนคู่สัญญามีหน้าที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่ รฟท. ในทันทีที่มีการก่อสร้างเสร็จสิ้นและทรัพย์สินดังกล่าวพร้อมใช้งาน
โดย รฟท. ไม่ต้องชำระค่าตอบแทนใดๆ ให้แก่เอกชนคู่สัญญา และเอกชนคู่สัญญามีสิทธิ์ใช้ทรัพย์สินดังกล่าวเพื่อใช้สำหรับการดำเนินงานในระยะที่ 2 ในส่วนของแอร์พอร์ต เรลลิงค์ส่วนต่อขยาย
(2) ทรัพย์สินอื่นนอกเหนือจากทรัพย์สินที่เป็นสาระสำคัญ
เว้นแต่กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาร่วมลงทุน ตลอดระยะเวลาของงานในระยะที่ 1 ในส่วนของแอร์พอร์ต เรลลิงค์ส่วนต่อขยายตามที่กำหนดไว้ในข้อ 5.2(2)(ก) และระยะเวลาของงานในระยะที่ 2 ในส่วนของแอร์พอร์ต เรลลิงค์ส่วนต่อขยายตามที่กำหนดไว้ในข้อ 5.2(2)(ข) เอกชนคู่สัญญามีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินอื่นนอกเหนือจากทรัพย์สินที่เป็นสาระสำคัญที่ใช้ในแอร์พอร์ต เรลลิงค์ส่วนต่อขยาย
โดยเอกชนคู่สัญญามีหน้าที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าว ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่สามารถรับโอนได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งดังต่อไปนี้
(ก) กรณีครบระยะเวลาของโครงการฯ เอกชนคู่สัญญามีหน้าที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่ รฟท. ภายในช่วงระยะเวลาเตรียมการส่งมอบทรัพย์สินที่ใช้ในโครงการฯโดย รฟท. ไม่ต้องชำระค่าตอบแทนใดๆ ให้แก่เอกชนคู่สัญญาและเอกชนคู่สัญญาจะเตรียมการโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบการครอบครองในทรัพย์สินดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อ 31.1
(ข) กรณีสัญญาร่วมลงทุนสิ้นสุดลงก่อนครบระยะเวลาของโครงการฯ เอกชนคู่สัญญามีหน้าที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่ รฟท. ภายในช่วงระยะเวลาเตรียมการส่งมอบทรัพย์สินที่ใช้ในโครงการฯ โดย รฟท. จะชำระค่าตอบแทนให้แก่เอกชนคู่สัญญาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อ 30.2 โดยเอกชนคู่สัญญาจะเตรียมการโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบการครอบครองในทรัพย์สินดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อ 31.1
ฉบับหน้ามาดูสัญญากันต่อว่า กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ใช้ในการพัฒนาพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการฯ ตลอดระยะเวลาการพัฒนาพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟ เอกชนคู่สัญญามีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินสามารถโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวได้หรือไม่...ขอบอกว่าชวนติดตามเป็นอย่างยิ่งขอรับนายท่าน!