เมอร์ไลอ้อน (Merlion) รูปปั้นสิงโตที่มีท่อนล่างเป็นปลา สัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ ตัวที่ตั้งอยู่บนเกาะเซ็นโตซา กำลังจะถูกทุบทิ้งในเร็วๆนี้ เพื่อเปิดทางให้กับการก่อสร้างโครงการพัฒนาพื้นที่เชื่อมชายหาดทางทิศเหนือและใต้ของเกาะเซ็นโตซาเข้าด้วยกัน โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงทัศนียภาพของเกาะที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของประเทศสิงคโปร์ ครอบคลุมไปถึงเกาะปูเลา บรานี ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน
ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับเมอร์ไลอ้อนแห่งเกาะเซ็นโตซาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนถูกทุบทิ้ง ยังสามารถทำได้จนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2562
ต่อไปนี้คือ 6 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสิงโต ‘เมอร์ไลอ้อน’ สัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ และอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในรูปปั้นสิงโตที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก
1.แรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าปรัมปรา
เมอร์ไลอ้อนเป็นรูปปั้นที่ท่อนบนเป็นสิงโตแต่ท่อนล่างเป็นปลา ออกแบบโดยนายอเล็ค เฟรเซอร์-บรุนเนอร์ ชาวอังกฤษในปี 1964 (พ.ศ.2507) เพื่อให้เป็นตราสัญลักษณ์สำหรับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourist Promotion Board) ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นคณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board หรือ STB)
ท่อนล่างที่เป็นปลานั้นสื่อถึงประวัติความเป็นมาของสิงคโปร์ ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง แต่ต่อมาก็มีผู้หาหลักฐานทางประวัติศาสตร์มาค้านแย้งว่า สิงคโปร์นั้นเป็นเมืองท่าที่มีความรุ่งเรืองมาตั้งแต่ก่อนเก่าย้อนไปถึงต้นศตวรรษที่ 14 ส่วนหัวที่เป็นสิงโตนั้นมีที่มาจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับเจ้าชายซางนิลาอุตมะแห่งอาณาจักรศรีวิชัย ที่ประกาศตนเป็นผู้ค้นพบและตั้งชื่อเกาะสิงคโปร์เป็นภาษาสันสกฤตว่า "สิงคปุระ" (หมายความว่า "สิงโต" (สิงห์) และ "เมือง" (ปุระ) ในภาษาสันสกฤต) หรือ เมืองแห่งสิงโต เนื่องจากเป็นสัตว์ที่เจ้าชายได้เห็นเมื่อเดินทางมาถึงเกาะแห่งนี้ แม้ว่าเอาเข้าจริงๆแล้ว สิงโตจะไม่ใช่สัตว์ในท้องถิ่นของภูมิภาคนี้ก็ตาม
2) เมอร์ไลอ้อนตัวแรกที่เป็นต้นแบบคือตัวที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำสิงคโปร์
เมอร์ไลอ้อนตัวแรกมีความสูง 8 เมตร หนัก 70 ตัน ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำสิงคโปร์ สร้างโดยนายลิมนังเซ็ง ช่างฝีมือชาวสิงคโปร์ นายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์เป็นผู้ทำพิธีเปิดรูปปั้นดังกล่าวในปี 2515 สิงโตตัวต้นแบบนี้ออกแบบโดยนาย กวาน ไซ เคียง อดีตทูตสิงคโปร์ประจำประเทศฟิลิปปินส์ และเป็นอดีตรองอธิบการบดีของมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ ซึ่งปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์(National University of Singapore)
เมอร์ไลอ้อนตัวนี้ต่อมาในปี 2545 ถูกย้ายจากที่ตั้งเดิมมาอยู่ที่ใหม่ในสวนเมอร์ไลอ้อนปาร์คหันหน้าออกสู่อ่าวมาริน่าเบย์ ซึ่งห่างออกมาจากที่ตั้งดั้งเดิม 120 เมตรเนื่องจากการก่อสร้างสะพานเอสพลานาดทำให้ทัศนียภาพของรูปปั้นเมอร์ไลอ้อนถูกบดบัง และหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ไม่ไกลกันนั้น มีรูปปั้นลูกสิงโตซึ่งตัวเล็กกว่า หรือสูงเพียง 1 ใน 4 ของตัวต้นแบบ
3) มีทั้งหมด 7 ตัวทั่วเกาะสิงคโปร์
มีรูปปั้นเมอร์ไลอ้อนทั้งหมด 7 ตัว คือ 1 ตัวบนเกาะเซ็นโตซา และเมอร์ไลอ้อนตัวใหญ่และเล็ก 1 คู่ที่สวนเมอร์ไลอ้อนปาร์ค
4 ตัวที่เหลือมีขนาดเล็กลงมาคือ 2 ตัวสูงเพียง 3 เมตร ตั้งอยู่ที่ยอดเขาเฟเบอร์ (Mount Faber) และด้านหน้าสำนักงานใหญ่เอสทีบี (สำนักงานคณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์)บนถนนเกรนจ์ อีก 1 คู่สุดท้ายตั้งอยู่ที่ถนนอัง มอ เกียว สองตัวหลังนี้เพิ่งสร้างในปี 2541 ด้วยงบ 30,000 ดอลลาร์
4) เมอร์ไลอ้อนที่เซ็นโตซาสร้างในปี 2538
สิงโตทะเลแห่งเกาะเซ็นโตซาถูกออกแบบโดยนายเจมส์ มาร์ติน ประติมากรชาวออสเตรเลีย การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี 2538 ด้วยงบ 8 ล้านดอลลาร์ เป็นสิงโตเมอร์ไลอ้อนตัวที่สูงที่สุดในประเทศสิงคโปร์คือ 37 เมตร ด้านในจัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่ยุคเจ้าชายซางนิลาอุตมะ
ก่อนที่จะถูกทุบทิ้ง ประชาชนของสิงคโปร์เองสามารถเข้าชมเมอร์ไลอ้อนตัวนี้จนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2562 โดยจ่ายเงินเข้าชมในราคาส่วนลด ผู้ใหญ่คนละ 7.50 ดอลลาร์ และเด็ก 6.20 ดอลลาร์ ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) เข้าชมฟรี
5)นอนกับเมอร์ไลอ้อนก็ได้นะ
ในปี 2554 ศิลปินชาวญี่ปุ่น ทัตสึ นิชิ ได้ออกแบบโรงแรมป๊อบอัพซึ่งเป็นโรงแรมชั่วคราว ชื่อเมอร์ไลอ้อนโฮเต็ล ขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลศิลปะของประเทศสิงคโปร์ โดยมีการจำลองเมอร์ไลอ้อนตัวต้นแบบมาตั้งไว้และมีห้องพักสุดหรูเปิดให้ผู้สนใจเข้าใช้บริการ โครงการนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม เพียงแค่เปิดให้สำรองห้องพักล่วงหน้าก็สามารถทำยอดจองเต็มเหยียดในช่วงเวลาเพียง 1 ชั่วโมงแรกที่เปิดรับจอง
6) เมอร์ไลอ้อนโผล่ปรากฏตัวในต่างประเทศ
ริมชายหาดนานะเอะฮามะ ในเมืองฮาโกะดาเตะ ประเทศญี่ปุ่น มีรูปปั้นเมอร์ไลอ้อนตัวหนึ่งความสูง 8.6 เมตร ตั้งอยู่เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่างสิงคโปร์และจังหวัดฮ็อกไกโด เมืองใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่น รูปปั้นสิงโตทะเลตัวนี้หันหน้าเข้าหาทะเล เสมือนกำลังมองดูเรือที่แล่นเข้า-ออกจากท่าเรือฮาโกะดาเตะ และเป็นเทพนำทางเพื่อให้ชาวประมงและนักเดินเรือประสบโชคดีและปลอดภัย
ยังมีเมอร์ไลอ้อนอีกตัวหนึ่งที่สวนพฤกษศาสตร์นัมโบะ (Nambo Paradise Botanical Gardens) อำเภอทะเทยามะ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือกันระหว่างสวนพฤกษศาสตร์นัมโบะกับสวนพฤกษศาสตร์แห่งชาติของสิงคโปร์ (Singapore Botanic Gardens)