วันที่ 2 ธันวาคม 2567 (วันนี้) รอยเตอร์สรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยตลาดการเงินกำลังจับตารายงานการจ้างงานประจำเดือนพฤศจิกายนซึ่งจะประกาศในวันศุกร์นี้
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในปีหน้า ได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อเศรษฐกิจโลกด้วยการออกมาประกาศเรียกร้องให้กลุ่มประเทศ BRICS หยุดสนับสนุนการใช้สกุลเงินอื่นแทนดอลลาร์ มิฉะนั้นจะต้องเผชิญกับการเก็บภาษีนำเข้าถึง 100%
คำประกาศดังกล่าวนับเป็นการเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหันของทรัมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยสนับสนุนการอ่อนค่าของดอลลาร์เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า แรงกดดันนี้ส่งผลให้ค่าเงินหยวนของจีนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสามเดือน ขณะที่ค่าเงินรูปีของอินเดียก็ลดลงแตะจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนเงินยูโรได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสที่ไม่แน่นอน
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (Dollar Index) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 106.170 ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้จะมีความผันผวนในช่วงสัปดาห์ก่อน แต่ภาพรวมของดอลลาร์ยังคงมีแนวโน้มที่ดีในช่วงปลายปีนี้ นักวิเคราะห์จาก Capital Economics กล่าวว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงแสดงความแข็งแกร่งมากกว่าประเทศอื่นๆ ทำให้ความเสี่ยงยังคงโน้มเอียงไปในทางที่ดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีกในปี 2568
ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้คือรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ โดยคาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นการฟื้นตัวจากรายงานเดือนตุลาคมที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศและการประท้วง หากตัวเลขนี้เป็นไปตามคาด อัตราการว่างงานอาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 4.1% เป็น 4.2% ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญที่ Fed ใช้ประกอบการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 18 ธันวาคม
ในส่วนของญี่ปุ่น ค่าเงินเยนกลับมาอ่อนค่าลง 0.4% มาอยู่ที่ 150.71 เยนต่อดอลลาร์ หลังจากแข็งค่าขึ้นอย่างมากในสัปดาห์ก่อน ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมหรือมกราคมนี้ หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจแสดงให้เห็นถึงการลงทุนภาคธุรกิจที่เติบโตถึง 8.1% ในไตรมาสที่ผ่านมา พร้อมทั้งอัตราเงินเฟ้อในกรุงโตเกียวที่ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนตุลาคม
ด้านยุโรป ตลาดยังคงจับตาการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งมีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในฝรั่งเศสยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันค่าเงินยูโร โดยนายกรัฐมนตรีมิเชล บาร์เนียร์ อาจเผชิญกับการลงมติไม่ไว้วางใจจากการเรียกร้องของพรรคฝ่ายขวาสุดโต่ง หลังรัฐบาลปฏิเสธข้อเสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบประมาณ ความเสี่ยงที่รัฐบาลอาจล้มเหลวในการบริหารงานทำให้ตลาดพันธบัตรของฝรั่งเศสได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรฝรั่งเศสและเยอรมันแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555
สถานการณ์ในตลาดการเงินโลกกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ทั้งจากการเคลื่อนไหวของดอลลาร์ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป และการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินในญี่ปุ่นและสหรัฐฯ นักลงทุนยังคงต้องจับตามองข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในช่วงปลายปีนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางการลงทุนในปีหน้า