"โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาขู่ผ่าน TruthSocial ว่า หากกลุ่ม BRICS ยังเดินหน้าลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการพัฒนาสกุลเงินใหม่หรือใช้วิธีการอื่นใด อาจเจอมาตรการภาษีนำเข้าถึง 100%
การขู่เพิ่มภาษีของ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผลจากความกังวลต่อความพยายามของกลุ่ม BRICS ที่ประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ในการลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐที่ครองสถานะสกุลเงินสำรองของโลกมายาวนาน กลุ่ม BRICS ซึ่งมี GDP รวมกันถึง 25% ของโลก และประชากรมากกว่า 40% ของประชากรโลก ได้เริ่มพัฒนาแนวทางการค้าระหว่างกันในสกุลเงินท้องถิ่น รวมถึงการสำรวจความเป็นไปได้ของการสร้างสกุลเงินกลางของกลุ่ม
หนึ่งในเหตุผลที่กลุ่ม BRICS ผลักดันการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว คือความกังวลต่อบทบาทของสหรัฐฯ ในการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจผ่านระบบการเงินโลก เช่น การตัดรัสเซียออกจากระบบ SWIFT และการอายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียในปี 2565 การคว่ำบาตรรัสเซียหลังเหตุการณ์ในยูเครน ซึ่งกระตุ้นให้หลายประเทศเริ่มมองหาทางเลือกอื่นนอกเหนือจากระบบที่พึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์
นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการบังคับใช้ภาษีในระดับดังกล่าวอาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลก การค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นสองสมาชิกสำคัญของ BRICS มีมูลค่าสูงถึง 690,000 ล้านดอลลาร์ และ 191,000 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ การเพิ่มภาษีจะทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้นและส่งผลโดยตรงต่อผู้บริโภคชาวอเมริกัน ขณะเดียวกันก็อาจกระตุ้นให้กลุ่ม BRICS ตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีหรือข้อจำกัดทางการค้าอื่นๆ
ผลกระทบที่ตามมาอาจไม่จำกัดอยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และ BRICS เท่านั้น แต่มาตรการดังกล่าวยังอาจส่งผลต่อความมั่นคงของเศรษฐกิจโลก และเกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้นบนเวทีการค้าในกลุ่มพันธมิตรของสหรัฐฯ
แม้ว่าดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก แต่ความเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์การค้าและการเงินโลกกำลังสร้างแรงกดดันอย่างต่อเนื่องให้ลดบทบาทของดอลลาร์ ความร่วมมือในกลุ่ม BRICS รวมถึงความสนใจของประเทศอื่นๆ เช่น ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในการเข้าร่วมกลุ่ม อาจช่วยเสริมแรงผลักดันให้เกิดระบบเศรษฐกิจหลายขั้วที่ไม่ต้องพึ่งพาสกุลเงินเดียว
ในขณะที่การขู่ของ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นสัญญาณเตือนถึงความเปราะบางของระบบเศรษฐกิจโลกที่พึ่งพาดอลลาร์ หากกลุ่ม BRICS เดินหน้าผลักดันสกุลเงินกลางสำเร็จ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
อนาคตเศรษฐกิจโลกยังไม่แน่นอน ขณะที่กลุ่ม BRICS ยังคงขยายบทบาทในเวทีการค้า การตอบโต้ของสหรัฐฯ ต่อการลดบทบาทดอลลาร์อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่จะกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจโลกในทศวรรษหน้า หากไม่มีการปรับตัวให้สมดุลระหว่างผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย การเปลี่ยนแปลงนี้อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างกว่าที่คาดการณ์ไว้