ความเคลื่อนไหวในตลาดการเงินโลกสัปดาห์นี้ มีปัจจัยสำคัญจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาขู่เก็บภาษี 100% กับ 9 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS หากมีการสร้างเงินสกุลใหม่มาแข่งขันกับดอลลาร์สหรัฐ
ทรัมป์ระบุผ่าน Truth Social ว่า "แนวคิดที่ประเทศกลุ่ม BRICS พยายามลดบทบาทของดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐฯ ยืนดูเฉยนั้นจบลงแล้ว" พร้อมเตือนว่าหากประเทศเหล่านี้ยังเดินหน้าสร้างเงินสกุลใหม่หรือสนับสนุนเงินสกุลอื่นแทนดอลลาร์สหรัฐ
"พวกเขาจะต้องเผชิญกับภาษี 100% และบอกลาการขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้เลย"
ขณะเดียวกัน ตลาดการเงินจับตาทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงแรงที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวเทียบกับสกุลเงินตลาดเกิดใหม่
ด้านเศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณฟื้นตัว หลังราคาบ้านใหม่เดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 2.40% เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงกว่าเดือนตุลาคมที่ขยายตัว 2.08% สอดคล้องกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง และโตเร็วที่สุดในรอบ 7 เดือน
กลุ่ม BRICS ซึ่งประกอบด้วยประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างจีน รัสเซีย บราซิล อินเดีย แอฟริกาใต้ และสมาชิกใหม่อย่างอิหร่าน อียิปต์ เอธิโอเปีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีประชากรรวมกันประมาณ 3.5 พันล้านคน หรือ 45% ของประชากรโลก และมีขนาดเศรษฐกิจรวมกว่า 28.5 ล้านล้านดอลลาร์
ในช่วงการประชุมกลุ่ม BRICS มีแนวคิดจากนักการเมืองบราซิลและรัสเซียในการสร้างเงินสกุลร่วมของกลุ่ม เพื่อลดอิทธิพลของเงินดอลลาร์ในการค้าระหว่างประเทศ แต่มีความขัดแย้งภายในกลุ่มที่ทำให้ยังไม่มีความคืบหน้า
นักวิเคราะห์มองว่าการสร้างเงินสกุลร่วมของ BRICS อาจไม่เป็นไปได้ในระยะสั้น เนื่องจากความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิก แต่อาจมีการพัฒนาเงินสกุลสำหรับการค้าระหว่างประเทศ หรือการใช้สกุลเงินดิจิทัลในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นต่อตลาดเกิดใหม่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยกองทุนตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ยังเผชิญแรงเทขายหนัก และตามรายงานของบาร์เคลย์ระบุว่า กองทุนตราสารหนี้สกุลเงินแข็งของตลาดเกิดใหม่สัปดาห์ที่แล้วมียอดไหลออกมากเป็นอันดับสองของปีนี้