ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการท่องเที่ยวไทย "ฐานเศรษฐกิจ" จึงหยิบยกประวัติขึ้นมาเขียนอีกครั้ง นับตั้งแต่“ท่านผู้หญิงชนัตถ์” เป็นผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี ที่ถือเป็นโรงแรมห้าดาวแห่งแรกของไทย สัญลักษณ์แลนด์มาร์ก หัวมุมถนนสีลม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรื้อถอนเพื่อสร้างโครงการมิกซ์ยูสที่ทันสมัย มูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท ที่จะเปิดบริการอีกครั้งใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อให้คุ้มค่ากับราคาที่ดินใจกลางเมืองและรับการลงทุนที่เปลี่ยนไป
ขึ้นแท่นพัฒนาท่องเที่ยว-โรงแรมระดับโลก
นอกจากจะเป็นผู้สร้างตำนานโรงแรมไทยแล้ว เมื่อ 2 ปีที่แล้ว หรือขณะวัย 97 ปี ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ยังได้รับการยกย่องจากนานาชาติให้เป็นบุคคลเกียรติยศผู้ประสบความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวและโรงแรมโลก โดยเป็นสุภาพสตรีหนึ่งเดียวที่ขึ้นทำเนียบเทียบชั้นตำนานผู้ยิ่งใหญ่ของวงการอย่าง “เอเดรียน เซก้า” เจ้าของเครือโรงแรม Aman Resorts ผู้พลิกโฉมอุตสาหกรรมโรงแรมในเอเชีย, “เซอร์ไมเคิล คาดูรี” ผู้ก่อตั้งโรงแรมเพนนินซูล่า อายุเก่าแก่ 100 ปี และ “โรเบิร์ต ก๊วก” แห่งเครือแชงกรี-ลา
โดยสถาบันการศึกษาด้านการท่องเที่ยวและโรงแรมชั้นนำของโลก “ฮ่องกง โพลีเทคนิค ยูนิเวอร์ซิตี้” มอบรางวัลทรงเกียรติ “SHTM Lifetime Achievement Award 2018” ซึ่งถือเป็นรางวัล เกียรติยศให้เฉพาะบุคคลที่มีความโดดเด่นด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวและการโรงแรมระดับโลก ซึ่งเท่ากับท่านผู้หญิงเป็นทั้งตำนานและผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรมที่ประสบความสำเร็จ
โดยจุดเริ่มต้นของ โรงแรมดุสิตธานีกรุงเทพฯ เกิดจากแรงบันดาลใจของท่านผู้หญิงชนัตถ์ สมัยเรียนอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนกลับเมืองไทยได้ขับรถตระเวนท่องเที่ยวและพักตามโมเต็ลต่าง ๆ ทำให้คิดว่าธุรกิจโรงแรมคงเป็นอาชีพอิสระ เพราะเวลาไปพักแต่ละแห่งไม่เคยพบเจ้าของโรงแรมหรือผู้จัดการเลย
ด้วยเป็นคนที่ชอบความอิสระ กลับมาเมืองไทยจึงเริ่มทำโรงแรมเล็ก ๆ ชื่อ “ปริ๊นเซส” 60 ห้อง ที่ปากตรอกโอเรียนเต็ล ถนนเจริญกรุง เมื่อกว่า 70 ปีที่แล้ว จึงทำให้เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในการทำธุรกิจโรงแรม เพราะยังมีบกพร่องอีกมาก จึงคิดจะสร้างโรงแรมที่สมบูรณ์แบบ
ทุนน้อยฝ่าฟันสร้างโรงแรม 5 ดาวจนสำเร็จ
แต่การคิดการใหญ่ก่อสร้างโรงแรมดุสิตธานี จำนวน 500 ห้องก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเงินทุนที่มีอยู่อย่างจำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาทเท่านั้น แต่การประเมินค่าก่อสร้างและอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 450 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้มากเกือบเท่าตัว แต่ท่านผู้หญิงก็ได้ใช้ความพยายามทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมาเสียเอง
โดยจ้างผู้รับเหมารายย่อย เพื่อประหยัดงบทุกด้าน แม้กระทั่งการเตรียมนำที่ดินและบ้านมาจำนอง เพื่อหาทางช่วยบริษัทรวมถึงการสร้างอาคารพาณิชย์ให้เช่า เพื่อให้เป็นลูกค้าโรงแรม และคิดค่าเช่าถูกกว่าธรรมดา เพื่อขอค่าเช่าล่วงหน้าหรือ 2 ปี เอามาช่วยโรงแรมอีกทางหนึ่ง เป็นต้น
สมัยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้หญิงจะลุกขึ้นมาสร้างโรงแรมใหญ่โตหรูหรา อีกทั้งการออกแบบก็แตกต่างจากโรงแรมทั่วไป โดยคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ตึกทรงสามเหลี่ยมสูง 23 ชั้น ตัวอาคารหลักมีผังเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายตัด ตั้งบนฐานสามเหลี่ยมลดหลั่นสอบเข้าทีละชั้น และบนยอดแต่งกรวยปลายแหลมเรียวคล้ายยอดเจดีย์ ได้แรงบันดาลใจจากยอดพระปรางค์วัดอรุณฯ ซึ่งยังเป็นความภาคภูมิใจของคนดุสิตธานี ที่แม้จะสร้างใหม่ก็ยังต้องนำเอกลักษณ์ต่าง ๆ ไปอยู่ในตัวโรงแรมใหม่ด้วย
ที่มาชื่อ “ดุสิตธานี” เอกลักษณ์ความเป็นไทยหัวมุมถนนสีลม
ขณะที่ที่มาของชื่อ “ดุสิต” เป็นชื่อของสวรรค์ชั้น 4 ซึ่งช่วงที่จดทะเบียนตั้งบริษัท มีการแนะนำให้ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษ แต่ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ก็ไม่ยอม เพราะคิดว่าเป็นโรงแรมของคนไทย และตั้งอยู่ในประเทศไทย ควรใช้ชื่อไทย การออกเสียงไพเราะ มีความหมาย และชื่อเป็นมงคล
ระหว่างสักการะพระบรมรูปล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 6 ที่ลานหน้าสวนลุมพินี เพื่อขอพระราชทานอภัยที่ต้องรื้ออาคารเก่าบ้านศาลาแดง ซึ่งเคยเป็นที่พำนักของเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ราชเสนาบดีว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัชกาลที่ 6
ท่านผู้หญิงได้ นึกถึงคำว่า “ดุสิตธานี” จึงอธิษฐานขอพระบรมราชานุญาตนำมาตั้งเป็นชื่อโรงแรม โดยดุสิตธานีเป็นเมืองประชาธิปไตย ที่ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯให้จำลองขึ้น เมื่อปี 2461 ตั้งอยู่ในพระราชวังพญาไท และ “ดุสิต” ยังเป็นชื่อสวรรค์ชั้น 4 ตามคติความเชื่อทางศาสนาของคนไทย เมื่อครั้งสร้างเสร็จยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 เสด็จฯมาทรงเป็นประธานในพิธีเปิด
โรงแรมดุสิตธานีเปิดบริการเมื่อปี 2513 ช่วง 2 ปีแรก ได้เชนโรงแรม WIH (Western International Hotels) เข้ามาบริหาร หลังจากนั้นไม่นาน หนังสือฟอร์จูนได้ลงว่า โรงแรมดุสิตธานีเป็นโรงแรม 1 ใน 10 ของโลก ที่มีที่ตั้งและสิ่งแวดล้อมที่ดี การออกแบบตกแต่งและมีการบริการที่ดี
ทำงานกระทั่งอายุ 84 ปี ถึงวางมือ
หลังจากยกเลิกการบริหารของ WIH นโยบายการบริหารของท่านผู้หญิงชนัตถ์ จึงเข้าไปดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง และนำเอาสิ่งที่ดีที่สุดของไทยมาอวดชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นการจัดดอกไม้ ร้อยพวงมาลัย อาหารคาวหวาน พนักงานหญิงแต่งชุดผ้าไหมไทย เพื่อให้เห็นศิลปวัฒนธรรมไทยและความอ่อนช้อยของสตรีไทย จนเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก
อดีตที่ผ่านมาโรงแรมดุสิตธานี เจอมรสุมมาหลายครั้ง ตั้งแต่เหตุการณ์สไตรก์ครั้งใหญ่ จนต้องปิดโรงแรมไปเดือนเศษ และท่านผู้หญิงมักพูดเสมอว่า "อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเป็นเรื่องที่อ่อนไหวง่าย" เมื่อมีเหตุการณ์มากระทบ ที่ผ่านมา “ท่านผู้หญิงชนัตถ์” จึงเป็นเสมือนหญิงเหล็กของวงการโรงแรมไทย ในการฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับการท่องเที่ยวไทย ไม่ว่าจะเป็นในฐานะนายกสมาคมโรงแรมไทย และยังเป็นทั้งอดีตสมาชิกวุฒิสภา
สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่คอยเป็นปากเป็นเสียงต่อภาครัฐในฐานะคนโรงแรม การบุกเบิกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยไปทั่วโลก และดุสิตธานีก็เป็นเสมือนสถาบันชั้นดี ที่สร้างบุคลากรมากมายในวงการท่องเที่ยวและโรงแรมไทย ปัจจุบันดุสิตธานีมีเครือข่ายโรงแรม 34 แห่งใน 13 ประเทศ ทั้งที่เป็นเจ้าของและรับจ้างบริหาร ถึงการการแตกไลน์ธุรกิจที่ต่อเนื่อง และอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ดี แม้จะส่งไม้ต่อให้ทายาทคนโต “ชนินทธ์ โทณวณิก” เข้ามาสานงานต่อ เมื่อปี 2525 แล้วก็ตาม แต่ท่านผู้หญิงก็ยังทำงานมาตลอดกระทั่งวัย 84 ปี ถึงได้วางมือ จนมาถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โรงแรมดุสิตธานีได้ปิดฉากหลังจากให้บริการมาครึ่งศตวรรษ เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2562 ลงเพื่อสร้างโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ และวันนี้ตำนานผู้ก่อตั้งก็ได้ปิดฉากลงเช่นกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย" กับความหลัง กว่าจะเป็น "โรงแรมดุสิตธานี"
7 อัตลักษณ์ จิตวิญญาณ "ดุสิตธานี" สร้างตำนานใหม่มิกซ์ยูส 3.6 หมื่นล้าน
หมายเหตุ : อ้างอิง หนังสือ “คนแก่อยู่กับความหลัง” เขียนโดยท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ปี 2535