วิจัยกรุงศรี ประเมิน ภาพรวมผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลปี 2563-2565 คาดรายใหญ่ยังประคับประคองธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้ ขณะที่ราย กลาง-เล็กจะเผชิญการแข่งขันรุนแรงและมีความเสี่ยงด้านผลประกอบการมากขึ้น
อันเป็นผลจากกําลังซื้อมีแนวโน้มชะลอตัวลงมาก ด้านต้นทุนโดยเฉพาะราคาที่ดินในทําเลที่มีศักยภาพอยู่ในระดับสูง ผู้ประกอบการจึงมีแนวโน้มมองหาพันธมิตรเพื่อร่วมทุนหรือควบรวมกิจการ ทั้งกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ หรือกลุ่มทุนต่างชาติ เพื่อขยายฐานเงินทุนทําให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้
ตรงจุดนี้อาจจะส่งผลให้โครงสร้างของตลาดอสังหาริมทรัพย์เปลี่ยนไปเป็นตลาดที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เพิ่มขึ้น ด้านผู้ประกอบการรายย่อยที่มีฐานเงินทุนไม่แข็งแกร่งอาจมีปัญหา ขาดสภาพคล่องทําให้ไม่สามารถแข่งขันได้ หรือต้องปิดกิจการ
มุมมองของบทวิจัยดังกล่าว ขยายความมาว่า รายได้ของผู้ประกอบการรายใหญ่จะเติบโตต่อเนื่อง ผลจากความสามารถในการปรับตัว และมีความได้เปรียบรายกลางและเล็ก โดยเฉพาะต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่า เนื่องจากสามารถระดมทุนเองผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดตราสารหนี้ จึงมีฐานเงินทุนแข็งแกร่ง
ส่วนผู้ประกอบการรายกลาง-เล็กจะเผชิญภาวะยากลําบากมากกว่าและมีส่วนแบ่งตลาดลดลง โดยเฉพาะรายที่ไม่มีพันธมิตร/เครือข่ายจะแข่งขันได้ยาก บางรายอาจมีข้อจํากัดด้านเงินทุนและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน จึงอาจมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง
ขณะที่ผู้ประกอบการโครงการคอนโดมิเนียมย่านใจกลางเมืองและแนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีศักยภาพ ทั้งในด้านการบริหารโครงการ การตลาด และแหล่งเงินทุนหมุนเวียน
อย่างไรก็ตามการแข่งขันที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นอาจเป็นข้อจํากัดในการทํากําไรของผู้ประกอบการ จึงคาดว่าผลประกอบการของธุรกิจจะเติบโตในระดับเฉลี่ยใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
ส่วนผู้ประกอบการโครงการคอนโดมิเนียมรายกลางและเล็ก จะเน้นพัฒนาโครงการที่มีความสูงไม่เกิน 8 ชั้นในย่านชานเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่รอบนอกและมีศักยภาพเชิงทําเลต่ำกว่าโดยเปรียบเทียบ อีกทั้งยังไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับโครงการแนวราบ(บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์) ในทําเลเดียวกัน อัตราการ ทํากําไรจึงอยู่ในระดับต่ำหรือมีโอกาสขาดทุน