การแพร่ระบาดรอบสองของโควิด-19 กำลังเริ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา ที่ปรึกษาทำเนียบขาวยันรัฐบาลกำลังพิจารณากำหนดงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจเฟสที่ 4 ซึ่งจะเน้นที่การเยียวยาภาคการผลิตในประเทศ โดยอาจมีวงเงินสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกว่า 62.3 ล้านล้านบาท
นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า หนทางเดียวที่จะฟื้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงโควิด-19นั้น คือต้องขยายและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคการผลิตอันเป็นรากฐานสำคัญ หลังจากที่ธุรกิจภาคบริการ อาทิ ธุรกิจบันเทิง โรงแรม และการขนส่ง ได้รับผลกระทบบอบช้ำอย่างหนัก
ทั้งนี้ นายนาวาร์โรกล่าวว่า นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ต้องการงบประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนนายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ต้องการงบประมาณราว 1 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการงบประมาณอย่างน้อย 2 ล้านล้านดอลลาร์ ภายใต้แคมเปญ "Buy American, Hire American" (ซื้อสินค้าอเมริกัน จ้างคนอเมริกัน)
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาแถลงคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 6.5% ในปีนี้ ก่อนที่จะมีการขยายตัว 5% ในปี 2564 และ 3.5% ในปี 2565 ขณะที่อัตราการว่างงาน คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 9.3% ในปีนี้ จากนั้นจึงจะลดลงแตะระดับ 6.5% และ 5.5% ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ ด้วยเหตุนี้ เฟดจึงส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ไปจนถึงปี 2565 นอกจากนี้ จะยังคงเพิ่มการถือครองพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์
"เส้นทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะปกตินั้นจำเป็นต้องใช้เวลา เราจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อกระตุ้นตลาดแรงงานและเศรษฐกิจ และเราจะใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับคืนสู่สภาพดี" ประธานเฟดกล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC)เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
อ่านเพิ่มเติม ผู้เชี่ยวชาญชี้โควิด-19 เริ่มระบาดรอบ 2 ในสหรัฐ
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนที่เกิดจากการกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้งของยอดผู้ป่วยโควิด-19 หลังจากที่หลายมลรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้ขณะนี้สหรัฐครองอันดับ 1 ของโลกทั้งในแง่จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อจำนวนรวม 2,162,228 ราย และมีผู้เสียชีวิต 117,858 ราย ( ข้อมูล ณ 15 มิ.ย.)
ศาสตราจารย์วิลเลียม แชฟเนอร์ จากมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ ในสหรัฐ ออกมาเตือนเกี่ยวกับการระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 นี้ว่า ประชาชนจำเป็นจะต้องใช้ความระมัดระวังต่อไป มิฉะนั้นจะสร้างปัญหาต่อระบบสาธารณสุขอีกครั้ง "การระบาดรอบสองได้เริ่มขึ้นแล้วขณะที่เราเริ่มเปิดเศรษฐกิจทั่วประเทศ แต่ประชาชนจำนวนมากยังคงไม่รักษาระยะห่างทางสังคม และไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย" ศจ.แชฟเนอร์กล่าวย้ำว่า การสวมหน้ากากอนามัยเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก และเจ้าหน้าที่ควรให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องนี้
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับมาแพร่ระบาดรอบสองของโควิด-19 ส่งผลกดดันตลาดหุ้นสหรัฐมาตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยล่าสุดวานนี้ (15 มิ.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ปรับลดลงกว่า 700 จุด และมีแนวโน้มดิ่งลงต่อเนื่อง หลังจากที่ทรุดตัวลง 5.5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำสถิติร่วงลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายสัปดาห์นับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 20 มี.ค.