ฝันร้าย ธุรกิจโรงแรมภูเก็ต 16,400 ห้อง รอทะลัก

10 ก.ย. 2563 | 10:38 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.ย. 2563 | 07:54 น.

คอลลิเออร์ส ฯ ชี้ วิกฤติโควิด ฝันร้ายของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมในภูเก็ต หลังจำนวนนักท่องเที่ยวหดตัวอย่างรุนแรง ขณะหวั่น 16,400 ห้องพัก ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเตรียมเปิดบริการ ซ้ำเติมซัพพลายล้น

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในภูเก็ตเป็นอย่างมาก นักพัฒนาหลายรายเลือกที่จะเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกออกไป และรอดูสถานการณ์อีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีว่าจะสามารถเปิดตัวได้หรือไม่ 

นอกจากนี้ยังพบว่า มีโรงแรมอีกมากกว่า 16,400 ห้องพักที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในช่วงครึ่งหลังปี พ.ศ. 2563 -2566 โดยพบว่า ประมาณ 67.1% หรือมากกว่า 11,000 ห้องพัก เป็นโครงการวิลล่าตากอากาศและโครงการคอนโดมิเนียมที่มีการขายแบบการันตีผลตอบแทนจากการลงทุนที่มีแบรนด์โรงแรมเข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการในลักษณะโฮเต็ลเรสิเดนซ์ ในรูปแบบโปรแกรมบังคับเช่า หรือแบบเลือกการปล่อยเช่าเป็นโรงแรม ซึ่งถือว่าจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญของธุรกิจโรงแรมในภูเก็ตเป็นอย่างมาก  โดยพบว่าส่วนใหญ่มีการกระจายตัวแทบทุกพื้นที่ในจังหวัด โดยเฉพาะ ย่านกมลา ป่าตอง สุรินทร์ บางเทา ราไวย์ เป็นต้น 

คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยคาดการณ์ว่า ทำเล ป่าตอง กมลา บางเทา ราไวย์ ในหาญ และสุรินทร์  จะยังคงเป็นทำเลนี้จะยังคงขยายตัวต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะพื้นที่โดยรอบทำเลย่านป่าตอง และ บางเทา เนื่องจากเป็นทำเลที่ภาคเอกชนขนาดใหญ่ รวมถึงเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่จากภาครัฐที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งในส่วนของโครงการรถไฟฟ้ารางเบา (แทรม) จ.ภูเก็ต รวมถึงโครงการก่อสร้างทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กม. ล้วนจะส่งผลให้ทำเลย่านดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในภูเก็ตมากขึ้นในอนาคต

ฝันร้าย ธุรกิจโรงแรมภูเก็ต 16,400 ห้อง รอทะลัก

อย่างไรก็ตาม จากอุปทานโรงแรมในจังหวัดภูเก็ตที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกมากกว่า 16,400 ห้องพักที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและจะเปิดให้บริการในอนาคต เป็นสิ่งที่น่ากังวลใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากพบว่าอุปทานโรงแรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวและความต้องการห้องพักไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้มากนัก ส่งผลให้เกิดภาวะที่อุปทานเกินความต้องการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของผู้ประกอบการโรงแรมในพื้นที่เป็นอย่างมาก 

ดังนั้น ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวมีความจำเป็นต้องปรับตัว โดยกลยุทธ์การกำหนดราคาสินค้าและบริการ ผู้ประกอบการจะต้องศึกษาว่าอำนาจการซื้อของลูกค้าหลักเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด  ด้วยทิศทางของค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นผู้ประกอบการไม่ควรขึ้นราคาสินค้าหรือบริการ เพราะจะไปซ้ำเติมอำนาจการซื้อของนักท่องเที่ยว เพื่อให้สอดคล้องต่อภาวะเศรษฐกิจและทิศทางค่าเงินบาทการปรับราคาสินค้าและบริการ ในช่วง2-3 ปีข้างหน้าอาจเป็นไปได้ยาก ผู้ประกอบควรเน้นการปรับลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้ธุรกิจยังมีความสามารถในการแข่งขันในภาวะที่ตลาดชะลอตัว

ทั้งนี้ สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตในช่วงครึ่งแรก ปี 2563 ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นอย่างมาก จากการปิดพื้นที่ซึ่งส่งผลให้ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ได้  ซึ่งหลังจากมีการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พรก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 26 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป 

ส่งผลให้ในช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคม จำนวนนักท่องเที่ยวไทยในพื้นที่ภูเก็ตกลายเป็น 0 ในช่วง 2 เดือนดังกล่าว และนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปมากกว่า 99% ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตในช่วงครึ่งปีแรกเหลือเพียงแค่  2.84 ล้านคนเท่านั้น ปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้าถึง 62.56% และพบว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลงอย่างมากเช่นเดียวกัน เหลือเพียงแค่ประมาณ 1.85 ล้านคนเท่านั้น ปรับตัวลดลงมากถึง 68.94% และในส่วนของนักท่องเที่ยวไทยก็ปรับตัวลดลงมากถึง 52.75 % มาอยู่ที่ประมาณ 0.98 ล้านคน ส่งผลให้มูลค่าจากการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 เหลือเพียงแค่ 101,242.39 ล้านบาทเท่านั้น ปรับตัวลดลงมากถึง 62.85% สร้างความเสียหายต่อภาคการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก
 

สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปีพ.ศ. 2563 คาดว่ายังคงเป็นปีที่ค่อนข้างท้าทายเป็นอย่างมากสำหรับภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยและการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต  ซึ่งจากปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามากระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในปีพ.ศ. 2563 โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างหลักในหลายประเทศทั่วโลกที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้  นอกจากนี้ปัจจัยลบในเรื่องของการแข็งค่าของเงินบาท ข้อจำกัดเรื่องการรองรับของสนามบินหลักของไทย และเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ถือว่ายังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังในการใช้จ่าย ประกอบกับค่าเงินบาทที่ค่อนข้างแข็งค่าที่สุดในภูมิภาคนี้ ส่งล้วนแต่ถือว่าเป็นปัจจัยลบที่สำคัญที่เข้ามากระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในภูเก็ตแทบทั้งสิ้น